ฟู้ด แคปปิตอล เดินหน้ารับโอนกิจการ และจัดสรรหุ้นเพิ่มทุน PP ให้กับกลุ่มไพร์มโรดกรุ๊ป เพื่อก้าวสู่ธุรกิจพลังงานเต็มตัว ยอมรับอยู่ในขั้นตอน Relisting กับ mai คาดแล้วเสร็จภายใน Q4/61 ล่าจากกำหนดเดิม แต่จะดันให้ผลประกอบการพลิกมีกำไรครั้งแรกในรอบ 5 ปี
นายเอ สัจเดว์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฟู้ด แคปปิตอล จำกัด(มหาชน) หรือ FC เปิดเผยว่า บริษัทยืนยันเจตนาการรับโอนกิจการทั้งหมด รวมถึงการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ เสนอขายแบบเฉพาะเจาะจง (PP) จำนวน 22,740 ล้านหุ้น ให้กับบริษัท พีอาร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (PRGD) หรือกลุ่มไพร์มโรดกรุ๊ป
สำหรับความคืบหน้าของแผนการรวมกิจการนั้น ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการยื่นคำขอให้รับหลักทรัพย์
ใหม่ (Relisting) ตามเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ที่ว่าผลการดำเนินงานของบริษัทฯ และบริษัทแกนจะต้องมีกำไรสุทธิจากการดำเนินงานตามปกติในปีล่าสุดไม่น้อยกว่า 10 ล้านบาท โดยบริษัทอยู่ระหว่างดำเนินการให้คุณสมบัติตรงตามเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ และยอมรับว่าอาจทำให้กระบวนการรวมกิจการล่าช้าออกไปเป็นภายในไตรมาส 4/61 จากกำหนดเดิมคาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน ไตรมาส 3/61
“แผนการรับโอนกิจการ และจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนไม่ได้เปลี่ยนแปลง ยังคงเดินหน้าตามเจตนาเดิม เพียงแต่อาจล่าช้าจากคาดการณ์ไว้เท่านั้น เพราะต้องแก้ไขคุณสมบัติ และยื่น Relisting กับทางตลาดหลักทรัพย์ บริษัทฯ เชื่อมั่นว่าจะแล้วเสร็จภายในปีนี้ และจะทำให้ FC กลายเป็นบริษัททางด้านพลังงานทดแทน ผลประกอบการพลิกเป็นบวกทันที จากที่เคยขาดทุนติดต่อกันมาเป็นระยะเวลา 5 ปี เนื่องจากกลุ่มไพร์มโรดกรุ๊ป ได้รับเงื่อนไขการขายไฟที่ดี โดยมีอัตราการรับซื้อไฟ (แอดเดอร์) ค่อนข้างสูง บางโครงการประมาณ 8 บาทต่อหน่อย อายุสัญญาระหว่าง 10-20 ปี” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร FC กล่าว
ปัจจุบัน กลุ่มไพร์มโรดกรุ๊ป มียอดขายไฟเชิงพาณิชย์ (COD) จำนวน 132 MW จาก 17 โครงการ และอยู่ระหว่างขอใบอนุญาตซื้อขายไฟ (PPA) อีก 7 โครงการ รวมประมาณ 68 MW พร้อมกันนี้ยังมองหาโอกาสในการเข้าลงทุนในธุรกิจพลังงานทดแทนทั้งในและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง อาทิ ประเทศญี่ปุ่น เพื่อรองรับการเติบโตในอนาคตอย่างยั่งยืน
ปัจจัยเหล่านี้จะสนับสนุนให้บริษัทฯ กลายเป็นบริษัทที่มีความเสี่ยงต่ำ การเติบโตมีความยั่งยืนจากโครงการที่มีอยู่ รวมถึงโครงการที่เตรียมจะ COD ในอนาคต และยังไม่นับรวมกับโอกาสใหม่ๆ ที่จะเข้ามาจากการลงทุนเพิ่มเติมของโครงการทั้งในและต่างประเทศ ทำให้ FC กลายเป็นหุ้นที่มีโอกาสการเติบโตสูง (High Growth) และอยู่ในธุรกิจน่าสนใจเข้าลงทุนในสายตาของนักลงทุนสถาบัน และกองทุนต่างๆ
โดยที่ประชุมผู้ถือหุ้นของ FC เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2561 มีมติอนุมัติการเพิ่มทุนจาก 2,767 ล้านบาท เป็น 25,508 ล้านบาท ด้วยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุน จำนวน 22,740 ล้านหุ้น จัดสรรหุ้นเพิ่มทุนด้วยการเสนอขายให้บุคคลในวงจำกัด (PP) จำนวน 14,881 ล้านหุ้น ให้กับ PRGD เพื่อชำระเป็นค่าตอบแทน ตามแผนการรวมธุรกิจฯ รองใบสำคัญแสดงสิทธิ FC-W5 และFC-W6 จำนวน 7,317 ล้านหุ้น และเพื่อรองรับการปรับสิทธิของ FC-W2 จำนวน 224.58 ล้านหุ้น
ผลของการเพิ่มทุนดังกล่าวจะส่งผลให้ PRGD กลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ FC ในสัดส่วน 87.5% ขณะที่ นายอัครเดช ศรีชวาลา 1.26% และนายกฤษน์ ศรีชวาลา 1.09%