ธอส. ผู้นำตลาดสินเชื่อที่อยู่อาศัย ทำให้คนไทยมีบ้าน โดย “เอ็มดี” มั่นใจสิ้นปีปล่อยสินเชื่อใหม่ตามเป้า 1.89 แสน ลบ. ล่าสุดทำได้ 1.1 แสน ลบ. ชี้ปัจจัยเกิดจากประชาชนเชื่อมั่นในระบบ ศก. อัตราดอกเบี้ยที่จูงใจของ ธอส. และกระตุ้นยอดสินเชื่อจากงานเอ็กซ์โป เผยแผนครึ่งปีหลังพร้อม เดินหน้า Digital Service อย่างเต็มรูปแบบ คาดธุรกรรมชำระหนี้ที่เคาน์เตอร์ลดลงถึง 40%
นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กล่าวถึงผลการเนินงานในการปล่อยสินเชื่อใหม่ในปี 2561 ว่า ตัวเลขอย่างเป็นทางการในครึ่งแรกของปีนี้ (30 มิ.ย.) ธนาคารสามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง ปล่อยสินเชื่อปล่อยใหม่ได้ 105,429 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 53.67% คิดเป็น 85,263 บัญชี โดยเป็นสินเชื่อปล่อยใหม่วงเงินกู้ไม่เกิน 2 ล้านบาท หรือกลุ่มผู้มีรายได้น้อย และปานกลาง จำนวน 51,482 ราย สะท้อนบทบาท ธอส. ในการสนับสนุนภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของประเทศให้ขยายตัวอย่างแข็งแรงต่อเนื่อง สนองนโยบายรัฐบาล และแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ที่ต้องการให้คนไทยทุกคนมีที่อยู่อาศัย และมีคุณภาพชีวิตที่ดี
โดย ณ สิ้นไตรมาสที่ 2/61 ธนาคารมียอดสินเชื่อคงค้างรวมทั้งสิ้น 1,070,698 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.62% เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2560 มีสินทรัพย์รวม 1,137,871 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.10% เงินฝากรวม 920,248 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.25% มีหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) จำนวน 47,208 ล้านบาท คิดเป็น 4.41% ของยอดสินเชื่อรวม เพิ่มขึ้น 0.20% จาก ณ สิ้นปี 2560 ซึ่ง NPL อยู่ที่ 4.21% ของสินเชื่อรวม โดยภายในสิ้นปี ได้วางเป้าลดตัวเลข NPL ให้คงเหลือ 4.06% และมีกำไรสุทธิ 6,439 ล้านบาท ขณะที่อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) ยังอยู่ที่ระดับแข็งแกร่งมากที่ 14.53% ซึ่งสูงกว่าอัตราเงินกองทุนขั้นต่า 8.50% ที่กำหนดโดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
“นับเป็นครั้งแรกที่ธนาคารสามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้เกิน 1 แสนล้านบาท ภายในระยะเวลาเพียง 6 เดือน ซึ่งเป็นผลมาจากสภาวะเศรษฐกิจโดยรวมที่ขยายตัวดีขึ้น รวมถึงการจัดทำผลิตภัณฑ์สินเชื่อ ที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าทุกระดับรายได้ โดยผลิตภัณฑ์สินเชื่อกลุ่ม Social Solution หรือกลุ่มผู้มีรายได้น้อย อาทิ โครงการสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ สำหรับกลุ่มผู้ที่ได้รับสิทธิในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ผู้มีรายได้ไม่เกิน 25,000 บาทต่อเดือน บุคลากรภาครัฐ และประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ มียอดปล่อยสินเชื่อรวมจำนวน 22,150 ล้านบาท โครงการบ้าน ธอส.เพื่อสานรัก ปี 2561 ให้กู้ต่อรายไม่เกิน 3 ล้านบาท ปล่อยได้จานวน 8,270 ล้านบาท ส่วนผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Business Solution หรือสำหรับกลุ่มผู้ที่มีรายได้ปานกลางขึ้นไป อาทิ สินเชื่อบ้านมั่งมีศรีสุข สินเชื่อ For Home และสินเชื่อบ้าน Home for All มียอดปล่อยสินเชื่อรวมกันกว่า 36,000 ล้านบาท และมั่นใจว่าจะธนาคารจะสามารถปล่อยสินเชื่อได้ตามเป้าหมาย 189,000 ล้านบาทได้อย่างแน่นอน ซึ่งตัวเลขล่าสุด ทำได้แล้ว 1.1 แสนล้านบาท”
นอกจากนี้ ธนาคารได้จัดทำเครื่องรับเงินฝากประชารัฐ : Mobile Deposit Machine เป็นเครื่องรับฝากเงินให้บริการนอกสถานที่แก่ลูกค้ากลุ่มผู้มีรายได้น้อยตามชุมชนต่างๆ เพื่อความรวดเร็ว มั่นใจ ปลอดภัย สร้างวินัยการเงิน และเสริมความเข้มแข็งเพื่อการเข้าถึงแหล่งสินเชื่อเพื่อการมีบ้านในอนาคต โดยจะเริ่มให้บริการจำนวน 200 เครื่องภายในเดือนกรกฎาคม
อีกหนึ่งนโยบายที่ ธอส. ให้ความสำคัญกับการยกระดับการให้บริการตามแผน Transformation to Digital Service เพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เป็นตัวขับเคลื่อน นำ Digital Technology มาปรับใช้ทุกส่วนของธุรกิจ ยกระดับการทางานภายในองค์กร สร้างนวัตกรรมการเงิน และช่องทางการให้บริการดิจิทัล ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ลูกค้าในยุค 4.0 เพื่อให้ลูกค้าสามารถทาธุรกรรมการเงินแบบดิจิทัลที่เข้าถึงง่าย โดยได้จัดทำโครงการ Payment Gateway พัฒนาช่องทางการชำระเงินกู้ เพื่อแก้ปัญหาลูกค้าไม่สะดวกในการชำระหนี้เงินกู้ รอคิวนานในช่วงสิ้นเดือน นับเป็นโครงการสำคัญตามแผนยุทธศาสตร์ ประกอบด้วย
เครื่องรับชำระหนี้เงินกู้อิเล็กทรอนิกส์ : LRM ซึ่งเริ่มให้บริการตั้งแต่ปี 2560 และภายในเดือนกรกฎาคม 61 ธอส. จะมีเครื่องรับชำระหนี้เงินกู้อิเล็กทรอนิกส์ รวม 170 เครื่อง, เครื่องชำระเงินกู้ไร้เงินสด : QR Non Cash Payment ตอบรับสังคมไร้เงินสด (Cashless Society) ซึ่งธนาคารติดตั้งเครื่องชำระหนี้เงินกู้ไร้เงินสด QR Non Cash Payment จำนวน 20 เครื่อง เพื่อให้บริการลูกค้า โดยติดตั้งที่สาขา กทม. และปริมณฑล ก่อนภายในเดือนกรกฎาคมนี้
และระบบ Mobile Application : GHB ALL เป็นแอปพลิเคชันของ ธอส. ที่รวมทุกบริการของ ธอส. ไว้ในมือคุณ โดยสามารถให้บริการลูกค้าได้อย่างครบวงจรแบบ Anywhere Anytime โดยจะเริ่มเปิดให้บริการภายในไตรมาส 3/2561 และจะพัฒนา GHB Mobile Application จนเสร็จสมบูรณ์ภายในปีนี้ ทั้งนี้ ธนาคารตั้งเป้าหมายว่าภายในสิ้นปี 2561 จำนวนธุรกรรมชำระหนี้เงินกู้ผ่าน Payment Gateway ทั้ง 3 ช่องทาง จะไม่ต่ำกว่า 40% ของจำนวนธุรกรรมที่มาชำระเงินกู้ที่เคาน์เตอร์ ของธนาคารทั้งหมด ซึ่งตามปกติ ลูกค้าที่มาใช้บริการธุรกรรม ทางธนาคารจะมีต้นทุนในการบริการประมาณ 35 บาทต่อธุรกรรม ปัจจุบัน ธอส. มีพนักงานประมาณ 5,000 คน มีสาขา 200 แห่ง ในแผนจะเปิดที่เบตง และพื้นที่ในโซนอีอีซี.