เชียงใหม่ริมดอย จรดปากกาเซ็นสัญญา 2 โครงการใหม่ มูลค่ารวมกว่า 432 ล้านบาท พร้อมตุนงานอื่นๆ หนุนงานในมือรอรับรู้รายได้อยู่ที่ 1,000 ล้านบาท สัดส่วนการรับงานภาคเอกชนต่องานราชการใกล้เคียงแผนที่คาดการณ์ไว้ ผู้บริหารชี้ครึ่งปีหลัง สัดส่วนงานราชการจะเพิ่มขึ้นจากการประมูลโครงการ และงบประมาณใหม่ของภาครัฐ พร้อมมองโอกาสในประเทศเพื่อนบ้านต่อเนื่อง เชื่อสิ้นปีผลการดำเนินงานได้ตามเป้าหมาย
นายธีรพัฒน์ จิรพิพัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เชียงใหม่ริมดอย จำกัด (มหาชน) หรือ CRD ผู้ประกอบธุรกิจรับเหมาก่อสร้างอาคารสิ่งปลูกสร้างทั่วไปประเภทต่างๆ และการรับเหมาก่อสร้างงานระบบสาธารณูปโภค เปิดเผยว่า บริษัทได้ทำการเซ็นสัญญาโครงการก่อสร้าง 2 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 432 ล้านบาทเรียบร้อยแล้ว ได้แก่ โครงการก่อสร้างโรงแรม HYATT REGENCY เกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี มูลค่าโครงการ 320 ล้านบาท ระยะเวลาการก่อสร้างตั้งแต่ปีนี้ถึงเดือนกันยายนปี 2562 และงานก่อสร้างโครงสร้าง และงานสถาปัตยกรรม โครงการโรงเรียนนานาชาติเกรซ (วิทยาเขตใหม่) จังหวัดเชียงใหม่ มูลค่าโครงการ 112,000,000 ล้านบาท โดยมีระยะเวลาการก่อสร้างตั้งแต่ปีนี้ถึงเดือนมีนาคมปี 2562
ขณะเดียวกัน บริษัทยังมีงานจากโครงการอื่นๆ ที่มีการเซ็นสัญญาไปก่อนหน้า ไม่ว่าจะเป็นงานสะพานเชื่อมครัวบางกอกแอร์เวย์ งานอาคารควบคุมระบบปรับอากาศของมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช และการก่อสร้างระบบผลิตก๊าซไบโอมีเทน โดยทั้งหมดจะส่งผล บริษัทมีงานในมือรอรับรู้รายได้ (Backlog) เพิ่มขึ้นอยู่ที่ประมาณ 1,000 ล้านบาท จากไตรมาส 1 (ณ วันที่ 31 มีนาคม 2561) มีมูลค่างานอยู่ที่ 848.18 ล้านบาท
ปัจจุบัน สัดส่วนการรับงานเอกชนของบริษัทต่องานราชการใกล้เคียงกับไตรมาสที่ผ่านมา แต่เชื่อว่าในสิ้นปีนี้สัดส่วนงานเอกชนจะอยู่ที่ 85% งานภาครัฐ 15% ตามแผนของบริษัทที่วางไว้ โดยงานในส่วนราชการยังคงเป็นไปตามขั้นตอนของแต่ละหน่วยงาน
“งานที่ได้รับเข้ามาใหม่ค่อนข้างมีความหลากหลาย ทั้งในเรื่องของมูลค่างาน และรูปแบบงาน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการปรับตัวเพื่อแสวงหาโอกาสให้มีงานเข้ามาอย่างต่อเนื่อง และส่งผลให้บริษัทสามารถรักษาระดับงานในมือให้มีอัตราไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาทตามแนวทางที่บริษัทมีการดำเนินงานมาโดยตลอด ขณะเดียวกัน บริษัทยังคงศึกษาดูงานในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มโอกาสและช่องทางการหารายได้ให้มากขึ้น” นายธีรพัฒน์ กล่าว
สำหรับการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทมีงานภาคเอกชนที่อยู่ระหว่างการเจรจา และเสนอราคาก่อสร้างอีกหลายโครงการ เช่นเดียวกับงานราชการที่อาจจะล่าช้ามาจากช่วงครึ่งปีแรก รวมถึงงานจากงบประมาณใหม่ๆ ที่น่าจะทยอยออกมาประมาณปลายปี ซึ่งเชื่อว่าด้วยประสบการณ์ และศักยภาพของบริษัท จะทำให้ได้รับงานเพิ่มเข้ามา รวมถึงงานในส่วนของต่างประเทศที่ประเมินแล้วว่า บริษัทสามารถดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยเพิ่มช่องทางในการสร้างรายได้ให้กับบริษัท โดยทั้งหมดนี้คาดว่าจะทำให้ในปีนี้สามารถสร้างผลประกอบการได้ตามเป้าหมายที่จะเติบโตมากกว่าปีที่ผ่านมา