ไพลอน เผยแนวโน้มครึ่งปีหลังปริมาณงานเพิ่มมากขึ้น หลังภาพรวมอุตสาหกรรมฐานรากปีนี้ฟื้นตัว จากงานก่อสร้างภาคเอกชน และรถไฟฟ้าสายต่างๆ รวมถึงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานส่งผลบวกต่อบริษัทฯ วางแผนประมูลงานภาคเอกชน 2,000 ล้านบาท หวังได้งาน 20-25% หนุนงานในมือเพิ่ม ล่าสุด ตุน Backlog 1,000 ล้านบาท
นายชเนศวร์ แสงอารยะกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไพลอน จำกัด (มหาชน) หรือ PYLON เปิดเผยถึงแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/2561 คาดว่าจะอ่อนตัวชั่วคราวจากวันหยุดที่มีค่อนข้างเยอะ และรถไฟฟ้าสายสีเหลือง เลื่อนงานก่อสร้างจากเดือนพฤษภาคมไปเดือนกรกฎาคม รวมทั้งงานก่อสร้าง ซึ่งเป็นงานเอกชน 2 โครงการ เลื่อนไปเป็นไตรมาส 3 ปีนี้ อย่างไรก็ตาม คาดว่าผลประกอบการจะเร่งตัวเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ เนื่องจากโครงการต่างๆ จะสามารถเริ่มงานได้ โดยบริษัทฯ ยังเดินหน้าประมูลงานใหม่อย่างต่อนื่อง เพราะมีความพร้อมด้านเครื่องจักร อุปกรณ์ และเครื่องมือก่อสร้างที่ทันสมัย ซึ่งปัจจุบันมีงานที่รอประมูลกับภาคเอกชนประมาณ 2,000 ล้านบาท โดยคาดว่าจะได้งาน 20-25%
“ภาพรวมธุรกิจในครึ่งปีหลังปริมาณงานจะทยอยเพิ่มมากขึ้น โดยปีนี้บริษัทจะทยอยรับรู้งานภาคเอกชนและภาครัฐควบคู่กัน ทั้งนี้ งานภาครัฐจะเริ่มก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงเดือนกรกฎาคม 2561 จะสนับสนุนให้การดำเนินธุรกิจในปีนี้เป็นปีที่ดีของ PYLON เนื่องจากเริ่มทยอยรับรู้งานก่อสร้างของภาครัฐ โดยเฉพาะงานโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐที่เลื่อนมาจากปี 2560 ส่งผลให้ปัจจุบัน PYLON มีงานในมือประมาณ 1,000 ล้านบาท คาดว่าจะรับรู้รายได้ในปีนี้ประมาณ 75%” ดร. ชเนศวร์ กล่าว
ส่วนทางด้านภาพรวมของอุตสาหกรรมฐานรากในปี 2561 นี้ มองว่าเติบโตดีกว่าปีที่ผ่านมา จากงานก่อสร้างรถไฟฟ้าสายต่างๆ รวมถึงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญ และจำเป็นในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ จึงมีความมั่นใจว่าภาครัฐจะพยายามผลักดันโครงการต่างๆ ให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมได้แน่นอน โดยจะส่งผลให้ภาพรวมของอุตสาหกรรมในปี 61 ฟื้นตัวได้ และจะมีงานเข้ามาอย่างต่อเนื่องไปอีกหลายปี ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งปีหลัง ภาครัฐจะเปิดประมูลโครงการใหม่ๆ เช่น รถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ ทางด่วนพระราม 3-ดาวคะนอง และรถไฟทางคู่ ซึ่งเป็นงานของปี 2562 ต่อไป
สำหรับผลประกอบการของบริษัทฯ และบริษัทย่อยในงวดไตรมาส 1/61 มีกำไรสุทธิ 71.33 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 15.24 ล้านบาท หรือ 27.18% โดยมีรายได้จากการให้บริการ 394.15 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก ปีก่อน 140 ล้านบาท หรือ 55.09% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 254.15 ล้านบาท