บล. โกลเบล็ก ประเมินหุ้นไทยได้อานิสงส์ราคาน้ำมันพุ่ง หลังสหรัฐฯ คว่ำบาตรอิหร่าน ระดับสต๊อกน้ำมันต่ำสุดในรอบ 3 ปีครึ่ง และแนวโน้มเศรษฐกิจในประเทศหนุน ประเมินดัชนีแกว่งตัวในกรอบ 1,600-1,650 จุด แนะกลยุทธ์ลงทุนหุ้นราคาผันผวนต่ำ ปันผลสูง และหุ้น Domestic Play ที่ได้ประโยชน์จาก ครม. คง VAT ที่ 7% ต่ออีก 1 ปี ด้านราคาทองคำแนะ follow buy เมื่อทะลุ 1,260 ดอลลาร์สหรัฐฯ
น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยได้อานิสงส์ราคาน้ำมันทรงตัวที่ระดับสูง หลังสหรัฐฯ คว่ำบาตรอิหร่าน ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปีครึ่ง ส่งให้มีแรงซื้อในกลุ่มพลังงาน
ประกอบกับตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยรวมปรับดีขึ้นทำให้คาดว่าจะตามมาด้วยการจับจ่ายใช้สอยในการอุปโภคบริโภคเพิ่มขึ้นในอีก 1-2 เดือนถัดไป และภาพรวมเศรษฐกิจประเทศไทยปีนี้มีแนวโน้มดีกว่าคาดการณ์เมื่อตอนต้นปีจากการส่งออก และภาคท่องเที่ยว ขยายตัวดี ส่วนภาพรวมเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มดีขึ้นเช่นกัน
ส่วนปัจจัยกดดันการลงทุนยังคงเป็นปัญหาสงครามการค้าโลกยังยืดเยื้อ และขยายวงกว้างจากหลายประเทศออกมาตรการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าตอบโต้สหรัฐฯ ที่เรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็ก และอลูมิเนียม และหุ้นกลุ่มธนาคาร ที่ใกล้จะประกาศงบการเงินงวดครึ่งปี ซึ่งคาดว่ากำไรงวดไตรมาส 2/2561 มีแนวโน้มลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า จากการยกเว้นค่าธรรมเนียมธุรกรรมโอนเงินผ่านโมบายแอป และอินเทอร์เน็ตออนไลน์ อีกทั้ง Fund Flow ยังผันผวนต่อเนื่อง โดยในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิราว 1 หมื่นล้านบาท และยังคงต้องจับตาการประกาศผลการดำเนินงานของหุ้นกลุ่มธนาคาร ระหว่าง 11-20 ก.ค. และในวันที่ 12 ก.ค. นี้ จะมีการประชุม สนช. เพื่อเลือก กกต. ชุดใหม่ รวมทั้งสหรัฐฯ เปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือน มิ.ย. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน
ด้านนายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์โกลเบล็ก จำกัด กล่าวว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มผันผวน โดยคาดดัชนี SET ผันผวนในกรอบ 1,600-1,650 จุด จึงแนะนำกลยุทธ์การลงทุนในหุ้นที่ราคามีความผันผวนต่ำ ราคาปรับลงไม่มากยามภาวะตลาดชะลอตัว แต่มีอัตราผลตอบแทนเงินปันผลสูง และหุ้น Domestic Play ที่ได้ประโยชน์จาก ครม. คง VAT ที่ 7% อีก 1 ปี เช่น CPALL, ROBINS, HMPRO และ BEM รวมทั้งหุ้นส่งออกได้ประโยชน์ค่าเงินบาทอ่อนค่า เช่น KCE, CPF และ GFPT และการที่ราคากากถั่วเหลืองล่าสุดปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นบวกต่อ TVO
ส่วนแนวทางการลงทุนในทองคำ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล. โกลเบล็ก กล่าวว่า แนวโน้มราคาทองคำในตลาดโลกขึ้นอยู่กับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่อ่อนลงจากการประเมินว่า Fed มีโอกาสจะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากภาวะเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ส่งสัญญาณขยายตัวช้าลง และมีความกังวลเรื่องสงครามการค้าโลกที่ขยายวงกว้างจะกลับมาสร้างผลกระทบทางลบมูลค่ามหาศาลให้กับสหรัฐฯ ในอนาคต ส่งผลให้ค่าเงินสกุลหลักอื่นๆ ปรับตัวแข็งค่า รวมทั้งค่าเงินบาท ขณะที่เงินทุนระยะสั้นไหลกลับเข้าเก็งกำไรในสินทรัพย์เสี่ยงมากกว่าเข้าหาทองคำ ทำให้ราคาทองคำทรงตัวอยู่เหนือระดับ 1,250 ดอลลาร์สหรัฐฯ ส่วนราคาทองในประเทศยังคงแกว่งอยู่ในกรอบ sideway
อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันที่ดีดกลับขึ้นมา มีโอกาสจะเป็นปัจจัยบวกหนุนให้ราคาทองคำปรับขึ้นต่อในขารีบาวนด์ได้ โดยมีสัญญาณ follow buy เมื่อทะลุ 1,260 ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเหมาะสำหรับการเก็งกำไรรอบสั้นๆ เท่านั้น เนื่องจากยังไม่เห็นสัญญาณการกลับตัวเป็นขาขึ้นในทองคำ ดังนั้น แนะนำนักลงทุนเล่น follow buy เมื่อทะลุ 1,260 ดอลลาร์สหรัฐฯ โดยเน้นปิดทำกำไรเร็ว เพื่อลดความเสี่ยงเรื่องค่าเงิน ส่วนพอร์ตเล่นรอบควรรอดูสถานการณ์ เพื่อพิจารณาเปิดสถานะใหม่อีกครั้ง