บล. ไอร่า ประเมินหุ้นไทยเดือน ก.ค. ฟื้น หลังหลุด 1,600 จุดในเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา เหตุรับรู้ปัจจัยลบต่างประเทศ อาทิ สงครามการค้า เฟดขึ้นดอกเบี้ย และกลับมาเก็งกำไรการประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 2/61ของบริษัทจดทะเบียน และเศรษฐกิจในประเทศมีทิศทางปรับตัวดีต่อเนื่อง ให้กรอบดัชนี 1,670-1,717 จุด แนะเก็งกำไรหุ้นเป้าหมายของนักลงทุนต่างชาติ หลัง Fund Flow ไหลกลับ ชู ADVANC-BBL-PTTEP
นางจิตรลดา เลขาพันธ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ไอร่า จำกัด (มหาชน) หรือ AS เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดหุ้นในเดือนกรกฎาคม คาดการณ์ว่ามีแนวโน้มเศรษฐกิจดีต่อเนื่อง หลังไตรมาส 1/2561 เติบโต 4.8% สูงสุดในรอบ 5 ปี ล่าสุด ธปท. เพิ่มคาดการณ์ GDP ปี 61 เป็น 4.4% จากเดิม 4.1% ตามการส่งออก และท่องเที่ยว ที่โดดเด่น และดีกว่าคาด สอดคล้องกับคาดการณ์ของสภาพัฒน์ฯ ที่ 4.2 - 4.7% ซึ่งสูงสุดในรอบ 6 ปี
นอกจากนี้ ยังได้รับปัจจัยบวกจากแรงเก็งกำไรผลประกอบการไตรมาส 2/2561 เริ่มจากกลุ่มธนาคาร ประมาณกลาง ก.ค. หลังจากนั้นเป็น Real Sector จนถึงกลาง ส.ค. 61 รวมถึงราคาน้ำมัน ที่คาดได้รับ Sentiment บวกจากความร่วมมือลดปริมาณผลิตน้ำมัน สูงกว่า 1.2 ล้านบาร์เรล ถึง 152% ประกอบกับการเพิ่มปริมาณผลิตน้ำมัน 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ของกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันเพื่อชดเชยปริมาณส่งออกน้ำมันของอิหร่าน และเวเนซูเอลา ดีกว่าคาดหมายก่อนหน้าที่คาดสูงถึง 1.5 ล้านบาร์เรล และมาตรการคว่ำบาตรครั้งใหม่ โดยสหรัฐฯ เรียกร้องให้ประเทศพันธมิตร ระงับการนำเข้าน้ำมันจากอิหร่านภายในวันที่ 4/11/61
ส่วนปัจจัยที่ยังคงกดดันภาพรวมการลงทุนในเดือนนี้ คือ Fund Flow ต่างชาติยังขายสุทธิตลอดครึ่งปีแรก 2561 จำนวน 180,077 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ยังเป็นไปในทิศทางเดียวกับภูมิภาคส่วนใหญ่
ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล. ไอร่า (AS) กล่าวเพิ่มว่า สำหรับปัจจัยที่ยังคงต้องจับตาสำหรับเดือนกรกฎาคมนี้ คือ นโยบายการค้าของสหรัฐฯ ที่คาดยังมีความไม่แน่นอน และคาดสร้างความผันผวน รวมถึงส่งผลต่อความเชื่อมั่นลงทุน เช่นที่เกิดขึ้นเมื่อ มี.ค.-มิ.ย. ที่ผ่านมา รวมถึงการประชุมเฟดที่จะจัดขึ้นในวันที่ 31/7/61-1/8/61 คาดการณ์ว่ามีการคงอัตราดอกเบี้ย ไว้ที่ 1.75-2.00% และคาดปรับขึ้นอีก 2 ครั้งในเดือน ก.ย. และ ธ.ค. ตามลำดับ และ Bond Yield โดย Bond Yield สหรัฐฯ อายุ 10 ปี ลดลงต่อเนื่อง จากกลาง พ.ค. ที่ผ่านมา หลังขึ้นไประดับสูงสุดที่ 3.07% ซึ่งคาดน้ำหนักกดดันต่อการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงลดลง
ดังนั้นประเมินกลยุทธ์การลงทุนในเดือนกรกฎาคมว่ามีโอกาสฟื้นตัว หลังเดือนที่ผ่านมา ดัชนีปรับลงสู่ระดับต่ำสุด 1,595.58 จุด นับจากต้นปีที่ผ่านมา คาดตลาดส่วนใหญ่สะท้อนปัจจัยลบจากประเด็นต่างประเทศ โดยเฉพาะสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และประเทศคู่ค้า ที่สำคัญ เช่น จีน และกลุ่มประเทศสหภาพยุโรป (EU) เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ยังมีประเด็นความเสี่ยง จากสถานการณ์ดังกล่าวข้างต้นมีความรุนแรงขึ้น อาจเป็นประเด็นที่สร้างความขัดแย้งระหว่างประเทศ และอาจส่งผลต่อการขยายตัวเศรษฐกิจของโลก และการจำกัดการลงทุนต่อทุกประเทศ (รวมจีน) ที่ยังมีความไม่แน่นอน
ขณะที่คาดการประชุมเฟด (31/7/61-1/8/61) ยังคงอัตราดอกเบี้ยที่ 1.75 - 2.00% พร้อมแนะติดตาม Bond Yield หากปรับเพิ่มขึ้น อาจกลับมามีผลต่อการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง รวมถึงตลาดหุ้น และคาดยังส่งผลให้ Fund Flow ยังคงไหลออกจาก Emerging Market ทางด้านราคาน้ำมันคาด Sentiment บวก คาดส่งผลดีต่อหุ้นกลุ่มพลังงาน ทางด้านประเด็นในประเทศ เริ่มเข้าสู่ช่วงประกาศผลการดำเนินงาน-Q2/61 คาดมีแรงเก็งกำไร (+/-) ถึงกลางเดือน ส.ค. ขณะที่คาด Fund Flow มีโอกาสไหลกลับหากมีการกำหนดวันเลือกตั้งชัดเจน พร้อมคาดหุ้นขนาดใหญ่ที่เป็นเป้าหมายของต่างชาติ กลับมาได้รับความสนใจ
อย่างไรก็ตาม วางกรอบดัชนีเดือนกรกฎาคมไว้ที่ 1,670-1,717 จุด ทั้งนี้ แนะนำทยอยสะสม หุ้นเป้าหมายของนักลงทุนต่างชาติ หลัง Fund Flow ไหลกลับ เช่น ADVANC, BBL และ PTTEP รวมถึงหุ้นที่มีความปลอดภัยภายใต้เงินปันผลที่จ่ายเป็นประจำ เช่น TMT ที่คาด Dividend Yield ปี 61 สูงถึง 8.0% ประกอบกับหุ้นที่คาดผลการดำเนินงานดีขึ้นต่อเนื่องเมื่อเทียบไตรมาสก่อน เช่น HTECH และหุ้น CBG ที่คาดว่าผลการดำเนินงานกลับมาเติบโตในปี 62 เป็นต้น