xs
xsm
sm
md
lg

“บล. ไอร่า” มองกรอบดัชนีหุ้นไทยแกว่ง 1,692-1,780 จุด แนะจับตาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน-ดอกเบี้ยเฟด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


บล. ไอร่า ประเมินตลาดหุ้นไทยเดือนมิถุนายน เจอแรงกดดันจากปัจจัยลบต่างประเทศ ทั้งสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน เฟดจ่อขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% และราคาน้ำมันมีความผันผวนมากขึ้น ส่วนปัจจัยในประเทศจับตาการทำ Window Dressing ปิดงบไตรมาส 2 ช่วงปลายเดือน และการเลือกตั้งเดินหน้าตาม Road Map ภายในเดือน ก.พ. 2562 เพิ่มความเชื่อมั่น หนุนกรอบดัชนี 1,692-1,780 จุด แนะกลยุทธ์ลงทุนในหุ้นผลการดำเนินงานฟื้นตัว ชู BANPU-HTECH-PSL-TKN-KTB-UNIQ

นางจิตรลดา เลขาพันธ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ไอร่า จำกัด (มหาชน) หรือ AS เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดหุ้นในเดือนมิถุนายนว่า ตลาดหุ้นไทยยังได้รับปัจจัยกดดันจากประเด็นต่างประเทศ โดยเฉพาะนโยบายสหรัฐฯ ที่มีข้อพิพาททางการค้ากับจีน ซึ่งสหรัฐฯ เตรียมเปิดเผยรายชื่อสินค้าจีน ที่จะถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้า 25% วงเงิน 50,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และคาดจีนจะมีมาตรการตอบโต้ รวมถึงสงครามการค้ากับประเทศอื่นๆ

อีกทั้งการประกาศเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ คาดส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมรถยนต์ และชิ้นส่วนยานยนต์ และนโยบายการเงิน ที่มีความไม่แน่นอนจำนวนครั้ง 3 หรือ 4 ครั้งในการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในปี 2561 และคาดว่าเฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% ในการประชุมวันที่ 12-13 มิถุนายนนี้ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อ Fund Flow ออกจาก ตลาดที่กำลังพัฒนา (Emerging Market) รวมถึงไทยด้วย โดยยอด 5 เดือนแรกปี 2561 ขายสุทธิแล้วจำนวน 131,426 ล้านบาท

ส่วนทางด้านราคาน้ำมัน ยังมีความไม่แน่นอนสูง หากกลุ่มผู้ผลิตน้ำมัน พิจารณาเพิ่มปริมาณผลิต เพื่อชดเชยน้ำมันของอิหร่าน และเวเนซูเอลา ที่ลดลง จากมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ อาจส่งผลต่อราคาน้ำมันปรับลดลง ซึ่งคงต้องติดตามการประชุมกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันในวันที่ 22 มิถุนายน 2561 คาดจะมีการทบทวนนโยบายการผลิตน้ำมัน

อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยบวกจากในประเทศอยู่บ้าง เช่น การทำ Window Dressing ก่อนการปิดงานไตรมาส 2/2561 ในช่วงปลายเดือนมิถุนายน และการเมืองที่คาดการเลือกตั้งเป็นไปตาม Road Map คาดเกิดขึ้นภายในเดือน ก.พ. 2562 ขณะที่คาด Fund Flow มีโอกาสไหลกลับหากมีการกำหนดวันเลือกตั้งชัดเจน และคาดหุ้นขนาดใหญ่ที่เป็นเป้าหมายของต่างชาติจะกลับมาได้รับความสนใจ

นอกจากนี้ แนวโน้มเศรษฐกิจดีต่อเนื่อง หลังไตรมาส 1/2561 เติบโต 4.8% สูงสุดในรอบ 5 ปี พร้อมเพิ่มคาดการณ์ GDP ปี 2561 เป็น 4.2-4.7% จากเดิม 3.6-4.6% สูงสุดในรอบ 6 ปี ภายใต้การเติบโตทุกๆ Sector โดยเฉพาะส่งออก และท่องเที่ยว ที่โดดเด่น

ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล. ไอร่า (AS) กล่าวเพิ่มว่า นอกจากนี้ ยังคงต้องจับตาความไม่แน่นอน และนโยบายของสหรัฐฯ ที่ออกมาอาจสร้างความผันผวน และส่งผลต่อความเชื่อมั่นลงทุน เช่น ที่เกิดขึ้นเมื่อมีนาคม และเมษายนที่ผ่านมา และ Bond Yield สหรัฐฯ หากเฟดส่งสัญญาณขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้น คาดอาจทำให้ Bond Yield กลับมาเพิ่มขึ้น และส่งผลต่อการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงอีกครั้ง

ดังนั้น แนะนำกลยุทธ์การลงทุนทยอยสะสม โดยให้กรอบดัชนีในเดือนมิถุนายนที่ 1,692-1,780 จุด แนะนำลงทุนในหุ้นที่คาดผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดเมื่อไตรมาส 1/2561 และคาดดีขึ้นตามลำดับในช่วงเวลาที่เหลือของปี เช่น BANPU, HTECH, PSL และ TKN เป็นต้น รวมถึงกลุ่มธนาคาร โดยเฉพาะหุ้นที่ผลประกอบการเติบโตต่อเนื่อง และคาดได้รับผลกระทบไม่มากจากการลดค่าธรรมเนียมที่ทำธุรกรรมผ่าน Internet Banking เช่น KTB และกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ซึ่งได้รับปัจจัยหนุนจากความคืบหน้าการเปิดประมูลโครงการขนาดใหญ่ และมีความสามารถทำกำไรโดดเด่นเมื่อเทียบกับคู่แข่ง เช่น UNIQ


กำลังโหลดความคิดเห็น