หลายปีก่อนบริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP เคยตกเป็นข่าวฉาวโฉ่ โดยผู้บริหาร บริษัท ปตท.กรีน เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (PTTGE) ซึ่งเป็นบริษัทลูก ทุจริต ซื้อที่ดินปลูกปาล์มมันในประเทศอินโดนีเซีย แต่ที่ดินอยู่ในเขตป่าสงวน ทำให้เกิดความเสียหายประมาณ 20,000 ล้านบาท
ล่าสุด บริษัท โกลบอลกรีนเคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GGC บริษัทลูกของ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC มีข่าวฉาวโฉ่อีก เพราะวัตถุดิบในสต๊อก มูลค่า 2,100 ล้านบาทล่องหน และอยู่ระหว่างตรวจสอบว่า ใครอยู่เบื้องหลังการทำให้วัตถุดิบที่จัดเก็บไว้กับคู่ค้า เหลือแต่ “ลม”
หุ้น GGC เมื่อวันศุกร์ที่ 29 มิถุนายนที่ผ่านมา ถูกถล่มแทบจมดิน รับข่าวความเสียหายจากวัตถุดิบมูลค่ากว่า 2 พันล้านบาทที่หายสาบสูญ โดยระหว่างชั่วโมงซื้อขาย ราคาลงไปสร้างจุดต่ำสุดใหม่นับแต่เข้าซื้อขายที่ 8.80 บาท/หุ้น ก่อนจะกระเตื้องขึ้นมาปิดที่ 9.25 บาท ลดลง 2.95 บาท หรือลดลง 24.18 %
GGC เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2560 หลังจากนำหุ้นเสนอขายนักลงทุนทั่วไปในราคา 11.20 บาท จากราคาพาร์ 10 บาท โดยเข้ามาในฐานะบริษัทลูกของ PTTGC ซึ่งถือหุ้นใหญ่ ในสัดส่วน 72.29 % ของทุนจดทะเบียน
ราคาหุ้น GGC ไม่หวือหวานัก โดยในรอบ 12 เดือนเคยขยับขึ้นไปสูงสุดที่ 19 บาท/หุ้น ก่อนที่จะอ่อนตัวลง และเล่นกันอยู่ในระดับ 10 บาทเศษ และถือเป็นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานรองรับ เพราะมีผลกำไรต่อเนื่อง
เพียงแต่กำไรชะลอตัวลง โดยเฉพาะไตรมาสแรกปีนี้ ซึ่งมีกำไรสุทธิ 63.94 ล้านบาท ลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 144.96 ล้านบาท
ค่าพี/อี เรโช GGC อยู่ที่ 21.52 เท่า อัตราเงินปันผลตอบแทน 3.78 % และถือเป็นหุ้นเพื่อการลงทุนระยะยาวมากกว่าเก็งกำไรระยะสั้น
แต่ข่าวการ “ล่องหน” ของวัตถุดิบมูลค่ากว่า 2 พันล้านบาท ทำให้นักลงทุนไม่อาจถือหุ้นตัวนี้ได้ต่อไป และพากันเทขายหนีตาย เพราะความเสียหายเกิดขึ้น ไม่ใช่น้อย และ GGC อาจต้องสร้างผลกำไรอีกหลายปี จึงชดเชยความสูญเสียที่เกิดจากการโกงวัตถุดิบได้
วัตถุดิบซึ่งน่าจะเป็นน้ำมันปาล์ม จำนวน 71,848 ตัน ซึ่งฝากไว้ที่คู่ค้านั้น ได้ชำระราคาไปแล้ว แต่การตรวจสอบพบว่า วัตถุดิบไม่มีอยู่จริง ซึ่งคณะกรรมการบริษัท ฯ ได้ตั้งกรรมการสอบสวนผู้รับผิดชอบอยู่
นายจิรวัฒน์ นุริตานนท์ ได้ชิงยื่นใบลาออกจากตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ GGC ทันที เพื่อแสดงความรับผิดชอบ แต่ใครร่วมขบวนการโกง และต้องถูกดำเนินคดีบ้าง ต้องรอการสอบสวนของคณะกรรมการบริษัทฯ
แต่ผู้ถือหุ้น GGC รอไม่ได้แล้ว เพราะผลกระทบจากการโกงครั้งมโหฬารครั้งนี้ ยังไม่อาจประเมินความเสียหายร้ายแรงได้ จึงชิงกันขายหุ้นเพื่อลดความเสี่ยง
กลุ่ม ปตท. ซึ่งหมายถึง บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT และบริษัทลูก รวมทั้งบริษัทหลาน หรือบริษัทที่บริษัท ลูกของ ปตท. เข้าไปถือหุ้น มักได้รับรางวัลด้านธรรมาภิบาล จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
แต่ภาพทางสังคมกลับเป็นกลุ่มบริษัทจดทะเบียน ที่ถูกโจมตีด้านการบริหารงานที่มีปัญหาความเป็นธรรมาภิบาลอยู่บ่อยครั้ง
และมีปัญหาด้านการทุจริตภายในหลายครั้ง อย่างน้อยที่ตกเป็นข่าวใหญ่ มีหลักฐานปรากฏ 2 ครั้งแล้ว จากบริษัทลูกของ ปตท.สผ. และบริษัทลูกของ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC
ปตท. ถือหุ้นในบริษัท ปตท.สผ. จำนวน 65.29 % ของทุนจดทะเบียน ขณะที่ ปตท.สผ. ถือหุ้นใหญ่ใน บริษัท ปตท.กรีน เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด และ ปตท. ถือหุ้นใน บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล สัดส่วน 48.79 % ของทุนจดทะเบียน
ขณะที่ พีทีที โกลบอล เคมิคอล ถือหุ้นใน GGC สัดส่วน 72.29 % ดังนั้น ความเสียหายจากสต๊อกลมน้ำมันปาล์ม จำนวนกว่า 2 พันล้านบาท จะส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ ทั้งบริษัทลูกของ ปตท. และตัวบริษัท ปตท.
นอกจากนั้นยังตอกย้ำภาพลักษณ์ธุรกรรมการดำเนินงานที่ไม่ใสบริสุทธิ์เสียทีเดียวในกลุ่ม ปตท. ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจด้านพลังงานและปิโตรเคมีที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ จนกลายเป็นแหล่งผลประโยชน์ขนาดยักษ์ และมีกลุ่มคนที่จ้องหาโอกาสกอบโกยความมั่งคั่งใส่ตัว โดยไม่คำนึงถึงการปกป้องผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้น
ขณะที่ระบบตรวจสอบของกลุ่ม ปตท. ยังไม่เป็นมืออาชีพพอ ที่จะกำกับดูแลและป้องกันการโกงได้
การทุจริตซื้อที่ดินปลูกปาล์ม ในอินโดนีเซีย ของบริษัทลูก ปตท.สผ. ความเสียหายประมาณ 20,000 ล้านบาท คดีเงียบ ๆ ไปแล้ว ส่วนคดีทุจริตสต๊อกน้ำมันปาล์ม ความเสียหายกว่า 2 พันล้านบาท ยังไม่รู้ว่า ใครร่วมขบวนการโกงบ้าง และจะดำเนินคดีอย่างจริงจังกันขนาดไหน
แต่ผู้ถือหุ้น GGC จำนวน 7,760 คน ผู้ถือหุ้น PTTGC จำนวน 54,728 คน และผู้ถือหุ้น PTT จำนวน 41,073 ราย ต้องรับเคราะห์ไปแล้ว เพราะความเสียหายใน GGC ย่อมส่งกระทบต่อเนื่องถึง PTT และ PTTGC
เพียงแต่งานนี้ผู้ถือหุ้นรายย่อย GGC รับเละเต็ม ๆ เท่านั้น
(สั่งจองหนังสือ “หุ้นวายร้าย” ราคาเล่มละ 190 บาท จากราคาเต็ม 240 บาท โทร. 0-2629-2700 , 08-2782-8353 , 08-2782-8356 )