พริมา มารีน ปิดดีลซื้อหุ้น “บิ๊ก ซี” ลอตแรก 70% ใช้เงินลงทุนเบื้องต้น 1,400 ล้านบาท ก่อนทยอยซื้อหุ้นส่วนที่เหลืออีก 30% ภายใน 3 ปี คาดการณ์ใช้เงินลงทุนเพิ่มอีก 800 ล้านบาท คาดมูลค่าโครงการรวม 2,000-2,300 ล้านบาท ขึ้นอยู่กับผลการดำเนินงาน ขณะดันอัตราผลตอบแทนการลงทุนโครงการนี้ (IRR) อยู่ที่ 11.7% ช่วยเพิ่มศักยภาพการดำเนินธุรกิจกลุ่มขนส่งน้ำมันดิบทางทะเล และส่วนแบ่งการตลาดพุ่งเป็น 49% หลังได้ฐานลูกค้าจาก Big Sea เข้ามาเพิ่มเติม มองระยะยาวส่งผลดีต่อการเสริมความแข็งแกร่งในการดำเนินงาน รับอุตสาหกรรมขนส่งน้ำมันภายในประเทศที่เติบโตได้ดี
ว่าที่เรือตรี ชาญวิทย์ อนัคกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พริมา มารีน จำกัด (มหาชน) หรือ (PRM) ผู้ให้บริการขนส่งและจัดเก็บน้ำมันดิบ ผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูป ผลิตภัณฑ์น้ำมันกึ่งสำเร็จรูป และปิโตรเคมีเหลวทางเรืออย่างครบวงจร ซึ่งเป็นรายใหญ่ที่สุดของประเทศไทย รวมถึงให้บริการเรือขนส่งที่สนับสนุนงานสำรวจและผลิตปิโตรเลียมกลางทะเล และการบริหารจัดการกองเรือของอุตสาหกรรมน้ำมันและปิโตรเคมี เพื่อให้บริการแก่ลูกค้าทั้งในและต่างประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการเข้าซื้อหุ้นบริษัท บิ๊ก ซี จำกัด (Big Sea) ผู้ประกอบธุรกิจขนส่งน้ำมันสำเร็จรูปทางทะเลรายใหญ่ภายในประเทศ ในช่วงที่ 1 จำนวน 252,000 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 70% ของหุ้นทั้งหมด โดยใช้เงินลงทุนประมาณ 1,400 ล้านบาท เสร็จเรียบร้อยแล้ว ส่งผลให้ในไตรมาส 3/61 PRM จะรับรู้รายได้และกำไรจากการดำเนินงานของ Big Sea ทันที ซึ่งส่งผลดีต่อการผลการดำเนินงานในครึ่งปีหลังของบริษัทฯ เติบโตได้อย่างก้าวกระโดด
ส่วนช่วงที่ 2 PRM จะทยอยเข้าซื้อหุ้น Big Sea ส่วนที่เหลืออีก 108,000 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 30% ของหุ้นทั้งหมดจาก ทีดับบลิวเอทีที ลิมิเต็ด (TWATT Limited) โดยจะทยอยเข้าซื้อหุ้น 10% ต่อปี เป็นระยะเวลา 3 ปี อย่างไรก็ตาม สัดส่วนการทยอยซื้อหุ้นช่วงที่ 2 จะพิจารณาจากผลการดำเนินงาน Big Sea เป็นสำคัญ โดยจากการประเมิน ณ ปัจจุบัน คาดว่าการซื้อขายหุ้นช่วงที่ 2 จะแล้วเสร็จภายในปี 2564 ซึ่งคาดการณ์จะใช้เงินลงทุนไม่เกิน 800 ล้านบาท เป็นผลให้การเข้าซื้อหุ้น Big Sea ทั้ง 2 ช่วงดังกล่าวจะใช้เงินลงทุนประมาณ 2,000-2,300 ล้านบาท และให้อัตราผลตอบแทนจากการลงทุน (IRR) เฉลี่ยอยู่ที่ 11.7%
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร PRM กล่าวว่า การซื้อหุ้น Big Sea ครั้งนี้ จะช่วยเสริมศักยภาพกลุ่มธุรกิจเรือขนส่งฯ ภายในประเทศให้เติบโตเท่าตัว โดย PRM จะครองส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับที่ 1 ในการให้บริการขนส่งน้ำมันทางทะเลภายในประเทศ ด้วยส่วนแบ่งการตลาดถึง 49% จากความสามารถการให้บริการเพิ่มขึ้นมากกว่า 5,000 ล้านลิตรต่อปี เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น เช่น เชฟรอน จะมีส่วนแบ่งการตลาดจากเดิม 15% เพิ่มเป็น 43%, เชลล์ จากเดิม 19% เพิ่มเป็น 64%, ไออาร์พีซี จากเดิม 19% เพิ่มเป็น 52% ปตท. จากเดิม 67% เพิ่มเป็น 69% รวมถึงยังขยายฐานลูกค้าใหม่ คือ บางจาก คิดเป็นสัดส่วน 37% ของปริมาณน้ำมันที่ขนทางเรือ
นอกจากนี้ ยังรองรับโอกาสการเติบโตในอนาคตที่ช่วยสนับสนุนศักยภาพการให้บริการของ PRM ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และรองรับอุตสาหกรรมการขนส่งน้ำมันทางทะเลภายในประเทศที่มีอัตราการเติบโต โดยจะช่วยให้บริษัทฯ สามารถบริหารกองเรือตามปริมาณความต้องการใช้บริการที่เพิ่มขึ้น เช่น เส้นทางขนส่งน้ำมันสู่ภาคใต้ที่ขยายตัวจากปริมาณความต้องการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงที่เพิ่มขึ้น หลังอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในพื้นที่มีการเติบโต ซึ่งจะเข้ามาช่วยสนับสนุนผลการดำเนินงานในครึ่งปีหลังของ PRM ให้เติบโตได้อย่างมีนัยสำคัญ
ทั้งนี้ Big Sea เป็นผู้ดำเนินธุรกิจขนส่งน้ำมันทางทะเลภายในประเทศ ที่มีส่วนแบ่งในธุรกิจดังกล่าวเป็นอันดับ 2 ของประเทศ โดยเป็นเจ้าของกองเรือขนส่งขนาดเล็ก จำนวน 13 ลำ ซึ่งมีอายุเรือเฉลี่ย 17.3 ปี ขนาดความจุเฉลี่ยต่อลำอยู่ที่ 2.7 ล้านลิตร รวมความจุทั้งหมดประมาณ 35,000 DWT หรือประมาณ 35 ล้านลิตร โดยมีสัญญาให้บริการกับกลุ่มลูกค้าระยะสั้นไม่เกิน 1 ปี จำนวน 3 ลำ และสัญญาระยะยาวมากกว่า 1 ปี อีก 10 ลำ รวมถึงอยู่ระหว่างดำเนินการต่อเรือขนส่งเพิ่มอีก 1 ลำ ขนาดความจุ 5.3 ล้านลิตร คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2562 เพื่อให้บริการแก่ เชฟรอน หลังได้รับสัญญาเช่าระยะยาวเป็นที่เรียบร้อย