ผู้จัดการรายวัน360 ํ - “บีทีเอส กรุ๊ป” ยอมรับการเปลี่ยนระบบวิทยุควบคุมการเดินรถไฟฟ้ายังไม่เสถียร ทำให้การบริการเกิดเหตุขัดข้อง ด้านราคาหุ้นปรับตัวลดลง 3.19% แต่อาจลดลงได้อีกจนกว่าระบบวิทยุใหม่จะแล้วเสร็จหลัง 29 มิ.ย. โบรกฯ ประเมินแค่ปัจจัยลบกดดันหุ้นระยะสั้น ภาพรวมทั้งปียังเติบโตก้าวกระโดด
นับตั้งแต่การให้บริการเดินรถไฟฟ้าสำหรับประชาชนทั่วไปของบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS เกิดเหตุขัดข้องมาอย่างต่อเนื่อง ปรากฏว่ามีผลให้ราคาหุ้นของบริษัทปรับตัวลดลงด้วยเช่นกัน โดยล่าสุด วานนี้ (26 มิ.ย.) ราคาหุ้นปิดที่ระดับ 9.10 บาทต่อหุ้น ถือเป็นการปรับตัวลดลงเป็นวันที่ 4 หรือประมาณ 3.19% จากวันที่ 20 มิ.ย. 2561 ซึ่งราคาหุ้นปิดที่ระดับ 9.40 บาท
นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอส ชี้แจงว่า สาเหตุของการขัดข้องในการเดินรถไฟฟ้าเกิดจากบริษัทฯ อยู่ในระหว่างปรับเปลี่ยนระบบวิทยุที่ใช้กับระบบอาณัติสัญญาณในการควบคุมขบวนรถไฟฟ้า เพื่อให้มีความเสถียรมากขึ้น และเพื่อรองรับการให้บริการเส้นทางส่วนต่อขยายสายสีเขียวใต้ ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ ที่จะเปิดให้บริการในช่วงปลายปี 2561 ซึ่งจะติดตั้งในทุกสถานี รวมทั้งในขบวนรถไฟฟ้าทั้ง 52 ขบวน โดยคาดว่าจะติดตั้งแล้วเสร็จในวันศุกร์ที่ 29 มิถุนายนนี้ ทำให้การเดินรถในช่วงระหว่างที่กำลังปรับเปลี่ยนระบบวิทยุนี้อาจจะทำให้การเดินรถไม่เสถียรเป็นเหตุให้เกิดรถขัดข้อง และเกิดความล่าช้าได้ แต่บริษัทฯ จะพยายามป้องกันให้เกิดขึ้นให้น้อยที่สุด และจะเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จตามกำหนด
ทั้งนี้ ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา พบว่ามีสัญญาณคลื่นวิทยุสื่อสารจากภายนอกที่มีความเข้มสัญญาณสูงเข้ามารบกวนสัญญาณการเดินรถ โดยเฉพาะบริเวณสถานีพร้อมพงษ์ สถานีอโศก และสถานีสยาม ซึ่งเป็นสถานีเชื่อมต่อระหว่างสายสีลม และสายสุขุมวิท ทำให้บริเวณดังกล่าวไม่สามารถเดินรถได้ด้วยความเร็วตามปกติ จึงทำให้การเดินรถมีความล่าช้ากว่าปกติ และทำให้มีผู้โดยสารสะสมมากในสถานีต่างๆ โดยเฉพาะในชั่วโมงเร่งด่วน
นอกจากนี้ ในการปรับตัวลดลงของหุ้น BTS ช่วงที่ผ่านมา (6-13 มิ.ย.) พบว่า นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานคณะกรรมการบริหารบริษัท BTS มีรายงานการซื้อหุ้น BTS รวม 5 รายการเป็นจำนวน 12.194 ล้านหุ้น ในกรอบราคาหุ้นละ 9.55-9.63 บาท คิดเป็นมูลค่ารวม 116.85 ล้านบาท และรายการซื้อหุ้น บมจ.วี จี ไอ โกลบอล มีเดีย (VGI) เมื่อวันที่ 11 มิ.ย. จำนวน 1.295 ล้านหุ้น หุ้นละ 7.75 บาท มูลค่ารวม 10.04 ล้านบาท รวมถึงใบสำคัญแสดงสิทธิ (วอร์แรนต์) 7.42 ล้านหน่วย หน่วยละ 0.38 บาท มูลค่า 2.82 ล้านบาท เป็นมูลค่ารวม 129.71 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม สำหรับภาพรวมธุรกิจของ BTS และบริษัทในเครือช่วงที่เหลือของปี 2561 นั้น หลายฝ่ายเชื่อว่าการขัดข้องในการให้บริการเป็นเพียงปัจจัยลบระยะสั้นที่มีผลต่อราคาหุ้นของบริษัทเท่านั้น โดยบล. บัวหลวง จำกัด ให้ความเห็นต่อแนวโน้มธุรกิจของ BTS ว่า กำไรหลักในไตรมาส 1/61 (เดือน เม.ย.-มิ.ย.) ของ BTS จะขยายตัวจากช่วงเดียวกันในปีก่อน และเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งได้แรงหนุนจากธุรกิจระบบขนส่งมวลชน (จากการเติบโตจากปัจจัยภายใน) และการฟื้นตัวของเม็ดเงินโฆษณาที่จะหนุนกำไรของ VGI การรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วม และบริษัทย่อย และค่าใช้จ่ายจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ (โดยปกติจะปรับตัวสูงขึ้นในไตรมาสสุดท้ายของปีงบการเงิน) ทำให้ยังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2561 ที่ 2,615 ล้านบาท หรือเติบโตแข็งแกร่งที่ 69% จากผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นของทุกหน่วยธุรกิจ ซึ่งน่าจะหนุนให้ราคาหุ้นปรับตัวสูงขึ้นต่อไปได้ และยังมีโอกาสในการปรับเพิ่มประมาณการกำไรของ BTS ในอนาคตจากโครงการระบบขนส่งมวลชน และโครงการโครงสร้างพื้นฐานใหม่ รวมทั้งโครงการร่วมทุนพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ทำให้มีราคาเป้าหมาย คือ 11.70 บาทต่อหุ้น