xs
xsm
sm
md
lg

ทีเอ็มบี เผยคนไทยใช้ก่อนออมทีหลังติดชีวิตหรูหรา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ทีเอ็มบี เผย คนไทยส่วนใหญ่มีเงินออมพอใช้ไม่ถึง 6 เดือน โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Y และ Gen X เสพติดชีวิตหรูหรา ติดโซเชียลมีเดีย และยังออมผิดที่ผิดทาง

นายนริศ สถาผลเดชา ผู้บริหาร TMB Analytics ธนาคารทหารไทย (TMB) เปิดเผยผลการศึกษาหัวข้อ “คนไทยมีเงินเหลือใช้ไม่ถึง 6 เดือนเมื่อหยุดทำงาน” ของศูนย์ Customer Insights by TMB Analytics ว่า จากผลการสำรวจออนไลน์กับคนไทยทั่วประเทศที่มีอายุระหว่าง18-54 ปี จากฐานข้อมูลผู้ประกอบอาชีพ 35 ล้านคน พบว่า คนไทยร้อยละ 80 มีเงินออมพอใช้ไม่ถึง 6 เดือน ขณะที่กลุ่มที่มีเงินออมพอสำหรับการใช้จ่ายตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป มีสัดส่วนเพียงร้อยละ 20 โดยปัญหาเงินออมไม่พอเกิดขึ้นตั้งแต่กลุ่มวัยเริ่มทำงาน (Gen Y) จนมาถึงกลุ่มคนทำงาน (Gen X) และร้อยละ 70 ของผู้ที่มีรายได้สูง คือ มากกว่า 30,000 บาทต่อเดือนยังมีเงินออมไม่พอ และพบว่าคนที่มีเงินออมไม่พอส่วนใหญ่เป็นพนักงานเอกชน และจ้างงานอิสระ

สำหรับปัจจัยที่ส่งผลต่อพฤติกรรมการใช้จ่ายของคนไทย ที่สำคัญ คือ ไลฟ์สไตล์เปลี่ยนแปลงไปเน้นความสะดวกสบาย และรวดเร็ว ติดหรู เช่น ทานอาหารนอกบ้านมากขึ้น เน้นสถานที่บรรยากาศดี ชิลชิล ชิกชิก และนิยมเสพโซเชียลมีเดีย แชต แชร์ เพิ่มขึ้น ใช้จ่ายไปกับด้านความบันเทิง การบริโภคสุรา และสูบบุหรี่

นางสาวนันทพร ตั้งเจริญศิริ หัวหน้าทีม Customer Experience & Insights กล่าวว่า คนไทยมีการใช้จ่ายเกินกำลังจะเห็นได้จากปัจจุบัน มากกว่าร้อยละ 50 ของคนที่มีบัตรเครดิตไม่สามารถจ่ายบิลรายเดือนได้เต็มจำนวน และอีกร้อยละ 48 เคยผ่อนสินค้าแบบยอมเสียดอกเบี้ย นอกจากนี้ การขาดวินัยในการออมน่าจะเป็นปัจจัยหลักทำให้คนไทยมีเงินออมไม่พอเพียง โดยมีเพียงร้อยละ 38 ที่มีพฤติกรรมออมก่อนใช้ และแยกบัญชีชัดเจน ขณะที่ร้อยละ 49 ใช้ก่อนออมทีหลัง และอีกร้อยละ 13 ยังไม่คิดออม และร้อยละ 21 ยอมรับว่ายังไม่เคยคิดถึงวางแผนการใช้จ่ายหลังเกษียณ มองเป็นเรื่องไกลตัว

ส่วนผลการวิคราะห์เรื่องการลงทุนในสินทรัพย์ทางการเงินพบว่า คนไทยกว่าร้อยละ 80 ฝากเงินกับธนาคาร และเกินครึ่งเป็นเงินฝากออมทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนต่ำ เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศพัฒนาแล้ว โดยเฉลี่ยสัดส่วนของเงินฝากจะต่ำกว่าร้อยละ 50

ผลวิจัยพบว่า คนไทยส่วนใหญ่เผชิญความเสี่ยงสูง ทั้งในแง่อุบัติเหตุ และการเสียชีวิตจากโรคร้าย แต่กลับป้องกันความเสี่ยงในระดับต่ำ ประเทศไทยมีอัตราการตายจากอุบัติเหตุสูงเป็นที่ 13 ของโลก และมีค่าใช้จ่ายด้านรักษาพยาบาลสูงขึ้นทุกปี แต่ทั้งกลุ่มที่เงินออมพอ และกลุ่มที่มีเงินออมไม่พอ มีการทำประกันไว้ไม่ถึงร้อยละ 10 ซึ่งสอดคล้องกับสัดส่วนเบี้ยประกันต่อรายได้รวมของไทยยังอยู่ในระดับต่ำกว่าครึ่งหนึ่งของประเทศพัฒนาแล้ว


กำลังโหลดความคิดเห็น