ผาแดงอินดัสทรี เร่งขยายการลงทุนให้ได้ตามเป้าหมายในครึ่งปีหลัง เผยสถานะการเงินสุดแข็งแกร่ง มีเงินทุนมากกว่า 2 พันล้านบาท พร้อมลงทุน ตั้งเป้าขยายธุรกิจโรงไฟฟ้าเพิ่มกำลังการผลิตรวมโซลาร์ฟาร์มให้ได้ 100 เมกะวัตต์ภายในปีนี้ มั่นใจรายได้และกำไรในปี 2561 เป็นไปในทิศทางที่ดี แม้จะไม่สูงมากเท่าปีที่แล้ว
นายฟรานซิส แวนเบลเลน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ผาแดงอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ PDI เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทฯ อยู่ระหว่างการศึกษาเพื่อเดินหน้าขยายการลงทุนในธุรกิจพลังงานทดแทน รวมถึงธุรกิจใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยขณะนี้มีเงินทุนที่พร้อมลงทุนแล้วไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้านบาท ซึ่งเบื้องต้นมีความเป็นไปได้สูงที่จะมีการลงทุนในธุรกิจพลังงานทดแทนเพิ่มเติมช่วงที่เหลือของปีนี้ โดยตามเป้าหมายบริษัทฯ จะขยายการลงทุนธุรกิจพลังงานทดแทนให้ได้ 100 เมกะวัตต์ภายในปีนี้
“การดำเนินธุรกิจในกลุ่มธุรกิจด้านพลังงานของพีดีไอ ถือว่ามีความคืบหน้าไปมาก และมีโอกาสได้เห็นการลงทุนใหม่เพิ่มเติมในช่วงครึ่งปีหลัง ขณะที่ธุรกิจเกี่ยวกับการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อม และวัสดุรีไซเคิลอยู่ระหว่างการเริ่มดำเนินงาน ขณะที่อยู่ระหว่างพิจารณาเข้าซื้อกิจการที่น่าสนใจ และได้ผลตอบแทนที่ดี เพื่อสร้างรายได้และผลกำไรที่ยั่งยืนต่อเนื่อง” นายฟรานซิส กล่าว
นายฟรานซิส กล่าวต่อว่า แนวโน้มผลประกอบการในปี 2561 บริษัทฯ จะมีรายได้และกำไรจากธุรกิจพลังงานทดแทน และธุรกิจการค้าโลหะสังกะสีที่ดำเนินการอย่างเต็มตัวในปีนี้ หลังจากที่ได้ยุติธุรกิจสังกะสีในกระบวนการผลิตแบบเดิมไปเมื่อปีที่ผ่านมา โดยได้ตั้งเป้าหมายจำหน่ายโลหะสังกะสี จำนวน 50,000 ตันในปีนี้
อนึ่ง เมื่อวันที่ 18 พ.ค. 2561 บริษัท ผาแดงอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ PDI ได้ดำเนินจดทะเบียนเพิ่มทุน กับกระทรวงพาณิชย์ จาก 2,260,000,000 บาทเป็น 3,013,333,330 บาท โดยออกหุ้นสามัญจำนวน 75,333,333 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้ หุ้นละ 10 บาท รวมเป็นจำนวน 753,333,330 บาท เพื่อรองรับการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทฯ ครั้งที่ 1 (PDI-W1) โดยการเพิ่มทุนครั้งนี้จะทำให้บริษัทฯ มีโครงสร้างทางการเงินที่แข็งแกร่ง และมั่นคงมากขึ้น เพื่อรองรับการขยายการลงทุนต่างๆ ในอนาคต รวมทั้งเสริมสร้างสภาพคล่อง และความพร้อมทางด้านเงินทุนที่จะลงทุนในโครงการต่างๆ ที่มีศักยภาพ อันจะก่อให้เกิดประโยชน์ และผลกำไรต่อบริษัทฯ ตลอดจนช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้ถือหุ้นในระยะยาว
สำหรับผลประกอบการไตรมาสแรกของปี 2561 บริษัทฯ มีรายได้รวม 1,289 ล้านบาท ขณะที่มีกำไรสุทธิจำนวน 97 ล้านบาท ซึ่งลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2560 ซึ่งมีกำไรสุทธิ 313 ล้านบาท ทั้งนี้เนื่องจากบริษัทฯ ได้ยุติธุรกิจสังกะสีในกระบวนการผลิตแบบเดิม และปรับสู่ธุรกิจการค้าโลหะสังกะสี หรือเทรดดิ้งอย่างเต็มตัว อย่างไรก็ตาม ภาพรวมผลประกอบการในปีนี้ของ PDI คาดว่าจะยังคงมีแนวโน้มที่ดีมีกำไรอย่างต่อเนื่องจากธุรกิจด้านพลังงานทดแทนเป็นหลัก และรายได้อื่นจากการบริหารจัดการสินทรัพย์ที่มีอยู่ และไม่ได้ใช้งานแล้ว จากธุรกิจสังกะสี