กรุงศรี ออโต้ เผยธุรกิจสินเชื่อยานยนต์-เช่าซื้อรายย่อยในสปป.ลาว ในแบรนด์ “กรุงศรีลีสซิ่ง” พุ่งแรงยอดสินเชื่อใหม่ 3 ปี มีอัตราเติบโตสะสมต่อปี 97% มียอดคงค้างปี 60 ที่ 4.4 พันล้าน ตั้งเป้า 3 ปี โตเฉลี่ยสะสม 31% ยอดเฉียดแตะหมื่นล้าน
นายไพโรจน์ ชื่นครุฑ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านธุรกิจสินเชื่อยานยนต์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า การดำเนินงานของบริษัท กรุงศรี บริการเช่าสินเชื่อ จำกัด (KLS) หรือ กรุงศรีลีสซิ่ง ซึ่งดำเนินธุรกิจเช่าซื้อในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ที่ได้เปิดดำเนินการเมื่อเดือนธันวาคม 2557 ยอดสินเชื่อใหม่ระหว่างปี 2558-2560 เติบโตเฉลี่ยสะสมต่อปี 97% และในปีที่ผ่านมามียอดสินเชื่อใหม่ 2,560 ล้านบาท จากผลิตภัณฑ์กรุงศรี นิว คาร์ และกรุงศรี เฟิร์สช้อยส์ ส่งผลให้ยอดสินเชื่อคงค้างรวมที่ 4,458 ล้านบาท อัตราเติบโตเฉลี่ยสะสมต่อปี 243% ด้านจำนวนลูกค้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน โดยจากปี 2559 ที่มีจำนวน 6,707 คนเป็น 14,657 คนในปี 2560 เป็นสัดส่วนลูกค้ารถยนต์ 68% สินเชื่อส่วนบุคคล 32%
รวมถึงตั้งเป้าหมายธุรกิจระยะกลาง (2561-2563) มีอัตราเติบโตเฉลี่ยสะสมต่อปีของยอดสินเชื่อใหม่ที่ 27% จากปี 2560 ที่มียอด 2,560 ล้านบาท เป็น 4,000 ล้านบาทในปี 2561 และมียอด 5,000 ล้านบาทเท่ากันทั้งในปี 2562 และ 2563 ส่วนยอดสินเชื่อคงค้างตั้งเป้าเติบโตที่ 31% จาก 4,458 ล้านบาทในปี 2560 เป็น 6,000 ล้านบาทในปี 2561 มียอดคงค้าง 8,500 ล้านบาทในปี 2562 และยอด 9,900 ล้านบาทในปี 2563
ทั้งนี้ 5 เดือนแรกของปี 2561 ปล่อยสินเชื่อใหม่ไปแล้วประมาณ 1,200 ล้านบาท คาดการณ์ทั้งปีมีสินเชื่อปล่อยใหม่ที่ 4,000 ล้านบาท หรือเติบโตได้ประมาณ 56% ขณะที่หนี้เสียอยู่ในระดับที่ต่ำ เนื่องจากลูกค้าที่ลาวใช้เงินดาวน์สูงประมาณ 30% มีระยะเวลาผ่อนสูงสุด 6 ปี
“เรามองตลาดที่ลาวยังขยายตัวได้ดีจากจีดีพีที่ยังเติบโตได้สูงคาดการณ์ว่า ปีนี้จะเติบโตได้ 7% และแนวโน้มยังเติบโตได้ดีอยู่จากเงินลงทุนต่างประเทศที่เข้าไปต่อเนื่อง และสัดส่วนของผู้ซื้อรถยนต์ด้วยเงินสดและสินเชื่ออยู่ที่ 40:60 ซึ่งยังขยายตลาดได้อีก โดยความท้าทายของตลาดในลาวไม่ใช่เรื่องการแข่งขันด้านราคา แต่เป็นเรื่องการดูแลขั้นตอนให้รวดเร็ว สะดวกกับลูกค้าและคู่ค้า เพื่อให้สามารถขยายตลาดได้มากขึ้น โดยปัจจุบัน เรามีสำนักงานใหญ่กรุงศรีลีสซิ่ง ที่นครหลวงเวียงจันทน์ และมีสาขาที่ปากเซ และยังมองพื้นที่ขยายออกไปยังหัวเมืองอื่นๆ เพิ่มขึ้น”
ส่วนผลกระทบจากประกาศของสำนักคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ว่าด้วยเรื่องให้ธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ เป็นธุรกิจที่ควบคุมสัญญา พ.ศ. 2561 ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ 1 ก.ค. 2561 นั้น ยอมรับว่ามีผลต่อการดำเนินงานของบริษัทในด้านของเอกสารแนบ และการติดตามหนี้ ซึ่งอยู่ระหว่างการปรับขั้นตอนต่างๆ ให้เป็นไปตามกฎเกณฑ์ดังกล่าว