ดีโอดี ไบโอเทค ปลื้มนักลงทุนมั่นใจปัจจัยพื้นฐานทางธุรกิจ ส่งผลสะท้อนหุ้น IPO จำนวน 110 ล้านหุ้น ขายหมดเกลี้ยง พร้อมลงสนามเทรด ตลาด mai วันที่ 20 มิ.ย. นี้ ด้านผู้บริหาร “ศุภมาส อิศรภักดี” ระบุ กระแสตอบรับดี เป็นผลจากความมั่นใจในธุรกิจ และแผนขยายการลงทุนชัดเจน พร้อมเตรียมนำเงินลงทุนโรงงานสกัดวัตถุดิบที่มีเทคโนโลยีและเครื่องจักรที่ทันสมัย (โรงที่ 2) และห้องปฏิบัติการวิจัยระดับสากลทันทีหลังระดมทุน
นายคมกฤต มีคำสัตย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายตลาดทุน บริษัทหลักทรัพย์ เคที ซีมิโก้ จำกัด ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน บริษัท ดีโอดี ไบโอเทค จำกัด (มหาชน) หรือ DOD เปิดเผยว่า ผลการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 110 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท ในราคาเสนอขายที่ 9.30 บาทต่อหุ้น ระหว่างวันที่ 12-14 มิถุนายน 2561 ที่ผ่านมา ปรากฏว่าหุ้นของ DOD ได้รับความสนใจจากนักลงทุนจองซื้อหุ้นไอพีโอเป็นจำนวนมาก โดยมียอดจองซื้อเกินจำนวนที่เสนอขาย เนื่องจากมั่นใจในปัจจัยพื้นฐานของบริษัทฯ ที่มีศักยภาพความแข็งแกร่ง รวมถึงมีอัตราการเติบโตมั่นคงอย่างต่อเนื่องในอนาคต ประกอบกับบริษัทฯมีแผนขยายการลงทุนในการต่อยอดธุรกิจอย่างชัดเจน โดยหุ้น DOD จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ ในวันที่ 20 มิถุนายน 2561 ภายใต้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “DOD” ในกลุ่มธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภค
“การกำหนดราคาเสนอขาย IPO ในครั้งนี้ พิจารณาจากการสำรวจความต้องการซื้อหลักทรัพย์ (Bookbuilding) ของนักลงทุนสถาบันในแต่ละระดับราคาที่ 9.00-9.30 บาทต่อหุ้น โดยกำหนดราคาเสนอขายสุดท้ายที่หุ้นละ 9.30 บาท หรือคิดเป็นอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E Ratio) ประมาณ 17.22 เท่า ซึ่งถือเป็นระดับที่เหมาะสมเมื่อเปรียบเทียบกับบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่มีลักษณะใกล้เคียงกับ บริษัทฯ จึงมั่นใจว่า การเข้าซื้อขายในตลาด mai ในวันที่ 20 มิ.ย. นี้ จะสามารถสร้างความประทับใจกับนักลงทุนได้” นายคมกฤต กล่าว
นางสาวศุภมาส อิศรภักดี ประธานกรรมการบริหาร และกรรมการผู้จัดการ บริษัท ดีโอดี ไบโอเทค จำกัด (มหาชน) หรือ DOD กล่าวว่า ยอดจองซื้อหุ้นไอพีโอที่มีเข้ามาเป็นจำนวนมาก สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อบริษัทฯ โดยการระดมทุนในครั้งนี้จะช่วยเพิ่มศักยภาพอัตราการเติบโตของบริษัทฯ ในอนาคตได้เป็นอย่างดี ซึ่งบริษัทฯ เตรียมนำเงินที่ได้ ไปลงทุนในโรงงานสกัดวัตถุดิบ (โรงที่ 2) รวมถึงลงทุนในเครื่องสกัด ด้วย CO2 เพื่อเพิ่มประสิทธิผลในการสกัดพืชสมุนไพร รวมถึงการลงทุนในห้องปฏิบัติการวิจัยระดับสากล ที่ได้มาตรฐาน ISO/IEC 17025 สามารถตรวจสอบคุณสมบัติเฉพาะของสารสกัดที่ได้จากโรงสกัด เพื่อนำมาพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ และเป็นสูตรเฉพาะของบริษัท รวมทั้งการรับจ้างตรวจสอบทางเคมี และทางจุลชีววิทยา ให้กับหน่วยงานอื่น
พร้อมทั้งจะนำไปใช้เพื่อพัฒนาตราสินค้าใหม่ของบริษัทฯ อาทิ ผลิตภัณฑ์เพื่อตอบสนองกลุ่มผู้สูงอายุที่มุ่งเน้นการมีสุขภาพที่ดี และผลิตภัณฑ์สมุนไพรตรีผลาที่มีคุณสมบัติช่วยดูแลสุขภาพ ฟื้นฟูระบบการทำงานของร่างกาย ช่วยในระบบย่อยและขับถ่าย นอกจากนี้ จะนำเงินไปชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน และเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ
“การนำเงินที่ได้จากการขายหุ้นไปใช้ต่อยอดในธุรกิจและสามารถเพิ่มรายได้ให้บริษัทฯ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นสิ่งที่ DOD คำนึงถึงมากที่สุด แนวทางที่จะนำมาซึ่งความสำเร็จของการต่อยอดธุรกิจนั้น มาจากการเพิ่มกำลังการผลิตวัตถุดิบประเภทสารสกัด ซึ่งสามารถลดต้นทุนการผลิต และสามารถควบคุมคุณภาพของสารสกัด รวมถึงการส่งออกสารสกัดในอนาคต” นางสาวศุภมาส กล่าว
นางนิสาภรณ์ ฤกษ์อร่าม กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอดไวเซอรี่ พลัส จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวเสริมว่า หัวใจหลักที่สำคัญของ DOD คือ การให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพราะเชื่อว่าการวิจัยและพัฒนาเป็นส่วนสำคัญของความสำเร็จในธุรกิจผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน DOD จึงมุ่งเน้นการศึกษาพัฒนาคุณสมบัติใหม่ๆ ของพืชสมุนไพรที่หาได้ในประเทศไทย เพื่อนำมาต่อยอดให้เกิดนวัตกรรม และตอบสนองความต้องการของลูกค้าและผู้บริโภค โดยบริษัทฯ มีทีมวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ ที่ประกอบด้วยบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ ความรู้และประสบการณ์ด้านวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร สมุนไพร และยาแผนโบราณ ที่ช่วยกันคิดค้นนวัตกรรม เพื่อพัฒนากระบวนการสกัดให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด