ประมาณ 1 ปีก่อน หุ้นบริษัท แอสเซท ไบร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ ABC เคยตกเป็นข่าวฉาวโฉ่ โดยครูอ้อย หรือ น.ส.ฐิตินาถ ณ พัทลุง นักจัดอมรบหลักสูตร “ เข็มทิศชีวิต” ถูกโจมตีว่า ชักชวนให้นักลงทุนซื้อหุ้น ABC จนเกิดความเสียหายนับสิบล้านบาท
วันนี้แม้หุ้น ABC จะเปลี่ยนชื่อแซ่ใหม่ เป็น บริษัท ดิจิตอลเทค แพลนเน็ต จำกัด (มหาชน)หรือ DIGI แต่ยังตกเป็นข่าวใหญ่อีกครั้ง เพราะเกิดกรณีการปั่นหุ้น โดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ดำเนินคดีด้วยมาตรการทางแพ่ง เรียกชำระค่าปรับจำนวน 120 ล้านบาท จากกลุ่มผู้ร่วมกระทำความผิดฐานปั่นหุ้น
ผู้ร่วมขบวนการปั่นหุ้น ABC มีจำนวนทั้งสิ้น 7 คน มีนายสาธิต รุ่งวัฒนภักดิ์ นักธุรกิจด้านพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เป็นหัวเรือใหญ่ มีนายปรเมษฐ์ รังรองธานินทร์ ซึ่งปรากฏชื่อเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับหนึ่ง และประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ฯ รวมอยู่
ส่วนครูอ้อย ซึ่งเคยถูกตั้งข้อสงสัยว่า อาจมีส่วนร่วมในขบวนการสร้างราคาหุ้นให้ร้อนแรง โดยชักชวนให้นักลงทุนเข้ามาซื้อหุ้น ABC ไม่มีรายชื่อติดอยู่ในแก๊งปั่นหุ้น แต่ปัจจุบันยังถือหุ้น ABC อยู่ในสัดส่วน 1.5 % ของทุนจดทะเบียน ไม่ได้ขายหุ้นตัวนี้ทิ้ง แม้มีข่าวเชิงลบกระทบ จนราคาหุ้นไหลลงมายืนแถว 50 สตางค์/หุ้น ก็ตาม
การปั่นหุ้น ABC เกิดขึ้นระหว่างวันที่ 22 พฤษภาคม ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2557 โดยมีการอำพรางการซื้อขายหุ้น อำพรางผู้ครอบครองหุ้น และมีการซื้อขายรายใหญ่ หรือบิ๊กล็อต ระหว่างผู้ร่วมขบวนการ เพื่อให้นักลงทุนเข้าใจผิดว่า หุ้นมีการซื้อขายกันมากขณะที่ราคาหุ้น ถูกลากจากระดับ 2.38 บาท/หุ้น ขึ้นไปสูงสุดที่ระดับ 7.80 บาท/หุ้น
มูลค่าการซื้อขายหุ้น ABC จากวันละประมาณ 30,000 หุ้น พุ่งขึ้นไปวันละกว่า 600,000 หุ้น โดยเมื่อนักลงทุนรายย่อยแห่เข้าไปเก็งกำไร กลุ่มที่ร่วมกันปั่นหุ้น ได้ขายหุ้นทำกำไร ทำให้นักลงทุนได้รับความเสียหายจำนวนมาก
หุ้น ABC ถูกแปลงโฉม เปลี่ยนชื่อมาแล้ว 3 รอบ เพื่อกลบเกลื่อนพฤติกรรมในอดีต โดยแต่เดิมชื่อบริษัท บางกอกไนล่อน จำกัด ซึ่งมีปัญหาฐานะทางการเงิน จนกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่รายใหม่เข้าครอบงำกิจการ และเปลี่ยนชื่อเป็น ABC ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นหุ้น DIGI
แม้จะพยายามลบพฤติกรรมในอดีต โดยการเปลี่ยนชื่อ แต่ความผิดที่ก่อไว้ การร่วมกันปั่นหุ้น และทำให้นักลงทุนจำนวนหลายพันคนต้องเดือดร้อน ไม่ได้ถูกลบล้างไปด้วย
ครูอ้อยถือหุ้น ABC ประมาณ 23 ล้านหุ้น และถือมานานแล้ว ในช่วงเวลาที่เกิดการปั่นหุ้น และราคาหุ้นถูกลากขึ้นไปเกือบ 8 บาท ซึ่งหากขายจะกำเงินสด ๆ ไม่ต่ำกว่า 160 ล้านบาท แต่ถ้าขายตอนนี้ จะเหลือเงินเพียงประมาณ 11 ล้านบาทเศษเท่านั้น
ถึงขณะนี้ ครูอ้อยตกอยู่ในฐานะเหยื่อรายหนึ่งของแก๊งปั่นหุ้น ABC เพราะขาดทุนเหมือนนักลงทุนทั่วไป โดยอาจถูกหลอกให้ซื้อหุ้นตัวนี้ และเป็นไปได้ว่า จะไปชวนคนอื่นมาร่วมลงทุนด้วย ซึ่งหากชักชวนจริง จะต้องแบกรับความรู้สึกรับผิดชอบกับคนที่ซื้อหุ้น ABC ตามคำชวน
ค่าปรับจำนวน 120 ล้านบาท ที่ ก.ล.ต. จะเรียกจากแก๊งปั่นหุ้น ABC อาจดูเหมือนเยอะ แต่เทียบไม่ได้กับความผิดที่คนกลุ่มนี้ก่อไว้ เพราะนักลงทุนจำนวนกว่า 5,000 คนที่ถือหุ้นต้องเดือดร้อน ได้รับความเสียหาย
และไม่รู้ว่า จะมีนักลงทุนรายใด ต้องหมดเนื้อหมดตัว ครอบครัวต้องล่มสลาย เพราะน้ำมือของแก๊งปั่นหุ้น ABC หรือไม่
แก๊งปันหุ้น ABC ทั้งหมด นัดชำระค่าปรับจำนวน 120 ล้านบาท จาก ก.ล.ต.แล้ว และถ้ายินยอมจ่ายแต่โดยดี คดีจะปิดลง โดยไม่มีใครต้องติดคุกติดตาราง
เงินค่าปรับจำนวน 120 ล้านบาท ไม่ได้มากมายสำหรับแก๊งปั่นหุ้น เพราะการปั่นหุ้น สามารถกอบโกยเงินได้มากกว่า รวมทั้งการปั่นหุ้น ABC ด้วย
นักลงทุนที่ตกเป็นเหยื่อหุ้น ABC ไม่อาจเรียกร้องค่าชดเชยจากใครได้นอกจากก้มหน้ารับชะตากรรมการจับแก๊งปั่นหุ้นแต่ละคดี ไม่ใช่เรื่องง่าย นาน ๆ จะจับได้เสียที
ดังนั้นเมื่อจับได้แล้ว ควรเล่นงานให้หนัก ลงโทษให้เข็ดหลาบ แต่บทลงโทษคดีปั่นหุ้นกลับเบาหวิวและถ้าแก๊งปั่นหุ้นยอมจ่ายค่าปรับ คดีก็จบ
บทลงโทษที่อ่อนนี่แหละ จึงไม่สามารถปราบปรามแก๊งปั่นหุ้นให้สิ้นซากได้เสียที
(สั่งจองหนังสือ “หุ้นวายร้าย” ราคาเล่มละ 190 บาท จากราคาเต็ม 240 บาท โทร. 0-2629-2700 , 08-2782-8353 , 08-2782-8356 )