ไทยฟูดส์ กรุ๊ป รุกซื้อสินทรัพย์ “เอเชีย เวส ไฟน์ ฟู้ด”

ไทยฟูดส์ กรุ๊ป เร่งขยายธุรกิจอาหารแปรรูปเดินหน้าบุกตลาดไส้กรอกหมู แฮม และเบคอน หลังส่งบริษัทลูกซื้อสินทรัพย์ “เอเชีย เวส ไฟน์ ฟู้ด” เพื่อต่อยอดฐานธุรกิจอาหารกึ่งสำเร็จรูป พร้อมตั้งเป้าสร้างยอดขายธุรกิจไส้กรอกแตะ 1,000 ล้านบาทในปี 2562 นอกจากนี้เริ่มผลิตไก่ปรุงสุกในไตรมาส 3 ปีนี้

นายเชิดศักดิ์ กู้เกียรตินันท์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บริษัทไทยฟูดส์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TFG เปิดเผยว่า บริษัทได้วางกลยุทธ์การแข่งขันหลัก (Competitive strategy) ที่จะมุ่งหน้าพัฒนาสินค้าต่อเนื่องจากอาหารดิบเข้าสู่อาหารกึ่งสำเร็จรูป ป้อนเข้าสู่ตลาดลูกค้าผู้บริโภคปลายทางมากขึ้น จากสินค้า สุกรเป็น ไปสู่สุกรชำแหละ และสุกรแปรรูป ไส้กรอกหมู แฮม และเบคอน และสินค้ามาริเนท เพื่อลดความเสี่ยงของราคาตลาดของสินค้าสุกรเป็น จากฐานการผลิตสุกรปัจจุบันในไทยเพิ่มขึ้นเป็นเดือนละ 70,000 ตัว ถือเป็นอันดับสามของตลาดในไทย

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2561 คณะกรรมการบริษัท TFG ได้มีมติอนุมัติให้บริษัท ไทยฟู้ดส์ เซอร์วิส แอนด์ ซัพพลาย จำกัด (ถือหุ้น 100% โดยบริษัท TFG) เข้าซื้อสินทรัพย์ของบริษัทเอเชีย เวส ไฟน์ ฟู้ดส์ จำกัด (AWFF) เพื่อการผลิต สูตรการผลิต แบรนด์ จ้างบุคคลากรเดิม และสิทธิการเช่า โดยมีเป้าหมายเพื่อเริ่มธุรกิจผลิตสินค้าสุกรแปรรูปป้อนเข้าสู่ตลาดกลางและบนของตลาดส่วนนี้ และบุกตลาดโฮเรก้า และ ฟู้ดส์เซอร์วิส อย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งมีทีมขายต่างจังหวัดครอบคลุมเมืองท่องเที่ยว และโรงแรมทั้งหมด

อย่างไรก็ตาม การเริ่มธุรกิจดังกล่าวจะเป็นการต่อยอดฐานธุรกิจเดิมของ AWFF และสร้างธุรกิจพร้อมใช้ (ready to cook) ใหม่ เพื่อรองรับวัตถุดิบสินค้าสุกรชำแหละจากโรงงานชำแหละสุกรในกลุ่มไทยฟู้ดส์ และเป็นการขยายประเภทสินค้าสุกรแปรรูป (product extension) และการครอบคลุมตลาด (market expansion) ให้ครบวงจร เพิ่มจากธุรกิจไส้กรอกไก่ ซึ่งมีเป้าหมายรายได้ 650 ล้านบาทในปีนี้ โดยใช้ศักยภาพของทีมฟู้ดส์เซอร์วิส ช่องทางการจัดจำหน่าย (distribution channel) และเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจ (partner network) ที่มีอยู่เดิม โดยมีเป้าหมายการขายปีแรกของธุรกิจนี้ประมาณ 250 ล้านบาท และ ปีที่สอง 400 ล้านบาท ซึ่งเป้าหมายการผลิตเริ่มต้นอยู่ที่ 5 ตันต่อวัน โดยตั้งเป้าหมายธุรกิจไส้กรอกที่ 1,000 ล้านบาทในปี 2562

กลุ่มบริษัทไทยฟู้ดส์ มีแผนงานที่จะสร้างโรงงานแปรรูปสินค้าสุกรอยู่แล้ว และการเริ่มธุรกิจขนาดเล็กนี้ก่อน ก็จะช่วยพัฒนาการผลิต ความชำนาญ ตลาด และช่องทางการจำหน่าย และสร้างฐานลูกค้า ให้พร้อม เพื่อลดความเสี่ยงในการเข้าสู่ธุรกิจนี้โดยการลงทุนที่สูง และเดินหน้าตามแผนสร้างมูลค่าเพิ่มคล้ายกับธุรกิจไก่ปรุงสุก เพื่อการส่งออกที่จะเริ่มผลิตในไตรมาส 3 ปีนี้ เมื่อแผนงานนี้ประสบความสำเร็จ ก็จะพิจารณาขยายธุรกิจนี้สู่ประเทศเวียดนาม ซึ่งบริษัทมีฐานธุรกิจสุกรเป็น และสุกรชำแหละ ขนาด 7,000 ตัวต่อเดือนอยู่แล้ว