xs
xsm
sm
md
lg

สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 31 พ.ค. 2561

- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (31 พ.ค.) หลังจากรัฐบาลสหรัฐฯ ประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็ก และอลูมิเนียม จากแคนาดา เม็กซิโก และสหภาพยุโรป (EU) ขณะที่ประเทศคู่ค้าเหล่านี้ได้ออกมาตรการตอบโต้สหรัฐทันที ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลว่าอาจจะนำไปสู่การทำสงครามการค้าในไม่ช้านี้ โดยความกังวลในเรื่องดังกล่าวได้ฉุดหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมร่วงลง ซึ่งรวมถึงหุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ ขณะที่การร่วงลงของราคาน้ำมันได้ฉุดหุ้นกลุ่มพลังงานดิ่งลงเช่นกัน

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,415.84 จุด ร่วงลง 251.94 จุด หรือ -1.02% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,705.27 จุด ลดลง 18.74 จุด หรือ -0.69% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,442.12 จุด ลดลง 20.34 จุด หรือ -0.27%

- ตลาดหุ้นยุโรป ปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (31 พ.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระลอกใหม่ หลังจากสหรัฐฯ ประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็ก และอลูมิเนียม จากแคนาดา เม็กซิโก และสหภาพยุโรป (EU) ขณะที่ประเทศคู่ค้าเหล่านี้ได้ออกมาตรการตอบโต้สหรัฐฯ เช่นกัน นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรป ยังได้รับแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองในสเปน หลังจากพรรคฝ่ายค้านเรียกร้องให้มีการลงมติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี มาริอาโน ราฮอย กรณีทุจริตคอร์รัปชัน

ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.6% ปิดที่ 383.06 จุด

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมัน ปิดที่ 12,604.89 จุด ลดลง 178.87 จุด หรือ -1.40% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศส ปิดที่ 5,398.40 จุด ลดลง 28.95 จุด หรือ -0.53% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอน ปิดที่ 7,678.20 จุด ลดลง 11.37 จุด หรือ -0.15%

- ตลาดหุ้นลอนดอน ปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (31 พ.ค.) เช่นเดียวกับตลาดหุ้นอื่นๆ ในยุโรปที่ต่างก็ปรับตัวลง หลังจากสหรัฐฯ ประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็ก และอลูมิเนียม จากแคนาดา เม็กซิโก และสหภาพยุโรป (EU) ขณะที่ประเทศคู่ค้าเหล่านี้ได้ออกมาตรการตอบโต้สหรัฐฯ เช่นกัน ซึ่งนักลงทุนกังวลว่า สถานการณ์ดังกล่าวอาจนำไปสู่สงครามการค้าในที่สุด

ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอน ปิดที่ 7,678.20 จุด ลดลง 11.37 จุด หรือ -0.15%

- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (31 พ.ค.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต๊อกน้ำมันเบนซินของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นสวนทางกับการคาดการณ์ ขณะที่การผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นกัน ซึ่งข้อมูลดังกล่าวส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันที่สูงขึ้นในตลาด

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ค. ลดลง 1.17 ดอลลาร์ หรือ 1.7% ปิดที่ 67.04 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือน ก.ค. เพิ่มขึ้น 9 เซ็นต์ หรือ 0.1% ปิดที่ 77.59 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์ก ปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (31 พ.ค.) โดยได้รับปัจจัยกดดันจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือน มิ.ย. นอกจากนี้ ตลาดทองคำยังได้รับผลกระทบจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยน

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือน ส.ค. ลดลง 1.8 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 0.14% ปิดที่ 1,304.7 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือน ก.ค. ลดลง 8.6 เซ็นต์ หรือ 0.52% ปิดที่ 16.458 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือน ก.ค. เพิ่มขึ้น 1.6 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 0.18% ปิดที่ 910.1 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือน ก.ย. เพิ่มขึ้น 6.70 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 0.7% ปิดที่ 981.70 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์

- ดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (31 พ.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้า หลังจากสหรัฐฯ ประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็ก และอลูมิเนียม จากแคนาดา เม็กซิโก และสหภาพยุโรป (EU) ขณะที่ประเทศคู่ค้าเหล่านี้ได้ออกมาตรการตอบโต้สหรัฐฯ เช่นกัน

ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ที่ระดับ 1.1691 ดอลลาร์สหรัฐฯ จากระดับ 1.1655 ดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.3290 ดอลลาร์สหรัฐฯ จากระดับ 1.3282 ดอลลาร์สหรัฐฯ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.7566 ดอลลาร์สหรัฐฯ จากระดับ 0.7575 ดอลลาร์สหรัฐฯ

ดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 108.68 เยน จากระดับ 108.90 เยน และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9849 ฟรังก์ จากระดับ 0.9894 ฟรังก์

ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ปิดที่ 24,415.84 จุด ลดลง 251.94 จุด, -1.02%
ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ปิดที่ 2,705.27 จุด ลดลง 18.74 จุด, -0.69%
ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ปิดที่ 7,442.12 จุด ลดลง 20.34 จุด, -0.27%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมัน ปิดที่ 12,604.89 จุด ลดลง 178.87 จุด, -1.40%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศส ปิดที่ 5,398.40 จุด ลดลง 28.95 จุด, -0.53%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอน ปิดที่ 7,678.20 จุด ลดลง 11.37 จุด, -0.15%
ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดีย ปิดที่ 35,322.38 จุด เพิ่มขึ้น 416.27 จุด, +1.19%
ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ปิดที่ 3,428.18 จุด ลดลง 15.77 จุด, -0.46%
ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ปิดที่ 1,740.62 จุด เพิ่มขึ้น 21.34 จุด, +1.24%
ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซีย ปิดที่ 5,983.59 จุด ลดลง 27.47 จุด, -0.46%

ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ปิดที่ 30,468.56 จุด เพิ่มขึ้น 411.77 จุด, +1.37%
ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ปิดที่ 7,497.17 จุด เพิ่มขึ้น 27.03 จุด, +0.36%

ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ปิดที่ 3,095.47 จุด เพิ่มขึ้น 54.03 จุด, +1.78%
ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ปิดที่ 2,423.01 จุด เพิ่มขึ้น 13.98 จุด, +0.58%
ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลีย ปิดที่ 6,011.90 จุด เพิ่มขึ้น 27.20 จุด, +0.45%

ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลีย ปิดที่ 6,123.50 จุด เพิ่มขึ้น 29.70 จุด, +0.49%

ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ปิดที่ 22,201.82 จุด เพิ่มขึ้น 183.30 จุด, +0.83%

ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ปิดที่ 10,874.96 จุด เพิ่มขึ้น 53.79 จุด, +0.50%


กำลังโหลดความคิดเห็น