บล. เออีซี ประเมินหุ้นไทยได้อานิสงส์ ปัญหาสงครามทางการค้าสหรัฐฯ-จีน สามารถบรรลุข้อตกลงหยุดเก็บภาษีชั่วคราว หนุนดัชแกว่งตัวในกรอบ 1,745-1,775 จุด เหตุยังขาดปัจจัยใหม่ๆ ในประเทศสนับสนุน และกลยุทธ์ “ซื้อเก็งกำไร” หุ้นผลงานครึ่งปีแรกดีต่อเนื่อง หุ้นได้ประโยชน์ EEC และหุ้นที่นำเข้าคำนวณ MSCI Index
บริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด (มหาชน) หรือ AECS เปิดเผยว่า ทิศทางการลงทุนในตลาดหุ้นไทยในช่วงสัปดาห์นี้ (21-25 พ.ค.) ได้รับปัจจัยบวกจากกรณีสหรัฐฯ-จีน สามารถบรรลุข้อตกลงหยุดเก็บภาษีนำเข้าชั่วคราว และอยู่ระหว่างจัดทำกรอบการค้าร่วมกัน หลังการประชุมร่วมระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับสูงของทั้ง 2 ฝ่าย ณ กรุงวอชิงตัน ในช่วงคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา (18 พ.ค.) โดยเบื้องต้น นายสตีเว่น มนูชิน ระบุว่า ทางจีนได้ยอมที่จะนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น (ไม่เปิดเผยตัวเลขที่แน่ชัด) และเดินหน้าแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างเพื่อลดข้อจำกัดของบริษัทสหรัฐฯ ที่ลงทุนในจีน ทำให้เรามองว่า ประเด็นดังกล่าวเป็น Sentiment เชิงบวกต่อต่อตลาดหุ้นต่างประเทศ และทำให้ในช่วงสั้นมีความเสี่ยงจากประเด็นดังกล่าวน้อยลง
ดังนั้น ประเมินว่าตลาดหุ้นไทยมีโอกาสฟื้นตัว จากปัจจัยดังกล่าว อย่างไรก็ตาม กรอบการขึ้นของดัชนีคาดยังจำกัด เนื่องจากยังขาดปัจจัยใหม่ๆ ภายในประเทศ ดังนั้น นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำ จึงยังคงแนะนำให้ “Wait&See” จนกว่า SET จะกลับมายืนเหนือ 1,780 อีกครั้ง
ขณะที่นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง แนะนำให้ “ซื้อเก็งกำไร” ในหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะ ได้แก่ หุ้นที่งบไตรมาส 1/2561 ออกมาดี และช่วงไตรมาส 2/2561 ยังมีโมเมนตัมโตต่อ ได้แก่ กลุ่ม รพ. เช่น BDMS, BCH, RJH กลุ่มค้าปลีก เช่น BJC, MC กลุ่มบันเทิง เช่น RS, MAJOR, JKN กลุ่มอสังหา เช่น AP, SPALI, SC กลุ่มโรงแรม เช่น CENTEL, ERW 2) หุ้นกลุ่มนิคมฯ ที่ได้ประโยชน์จากนโยบาย EEC เช่น WHA, AMATA, ROJNA 3) หุ้นที่นำเข้าคำนวณ MSCI Index ซึ่งคาดมีศักยภาพโตดี และราคาหุ้นยังมี Upside Gain น่าสนใจ โดยจะมีผลบังคับใช้ 31 พ.ค. นี้ เช่น LH, THG, DDD, MONO
อย่างไรก็ตาม มองว่าดัชนีมีโอกาศรีบาวนด์ทางเทคนิค โดยให้แนวต้าน 1,775 จุด และมองกรอบแนวรับที่ 1,745-1,750 จุด ทั้งนี้ เพื่อความไม่ประมาท หากดัชนีวกกลับปิดต่ำกว่าแนวรับ ให้ใช้เป็นจุดตัดขาดทุนรอบนี้ สำหรับนักลงทุนระยะกลาง ยังคงคำแนะนำถือเงินสดต่อ กลุ่มที่คาดว่ายังมีโอกาสปรับตัวบวก ได้แก่ กลุ่มยานยนต์ AUTO เช่น AH, APCS และ กลุ่มพลังงาน ENERG เช่น PTT, PTG