“เดอะ เกรท รูม” โคเวิร์กกิงสเปชหรูสัญชาติสิงคโปร์บุกตลาดไทย ยึดพื้นที่ชั้น 25-26 อาคารเกษร ทาวน์เวอร์ พื้นที่ 2,800 ตร.ม. ทุ่มงบตกแต่งกว่า 100 ล้านบาท ปลายปีเตรียมเปิดสินธร ทาวเวอร์ ถนนวิทยุ พร้อมลงทุนเพิ่มที่สิงคโปร์-ฮ่องกง เผยกลุ่มทุนเตรียมอัดเม็ดเงินกว่า 150 ล้านเหรียญสิงคโปร์ กระจายลงทุนในเอเชีย
นางจาแอล เอ็ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เดอะ เกรท รูม (ประเทศไทย) จำกัด ผู้พัฒนาโคเวิร์กกิ้งสเปช ระดับไฮเอนด์จากประเทศสิงคโปร์ เปิดเผยว่า ปัจจุบัน ตลาดโคเวิร์กกิงสเปชมีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างมากจากการขยายธุรกิจของบริษัทที่เปิดดำเนินการมาแล้ว และกำลังขยายธุรกิจระหว่างหาพื้นที่สำนักงานแห่งใหม่ ก็จะเช่าสำนักงานชั่วคราวให้พนักงานในบางแผนก ชาวต่างชาติที่ต้องการสถานที่ทำงานพื้นที่จำนวนไม่มาก หรือที่ทำงานชั่วคราว รวมถึงกลุ่มสตาร์ทอัป
ปัจจุบัน โคเวิร์กกิงสเปชยังมีโอกาสขยายตัวอีกมาก เนื่องจากยังมีจำนวนน้อยโดยในสหรัฐอเมริกา ส่วนแบ่งตลาดอาคารสำนักงานเพียง 5-6% เท่านั้น ส่วนสิงคโปร์ มีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 2-6% ขณะที่ของไทยเอง คาดว่าจะน้อยกว่า ซึ่งเชื่อว่ารูปแบการทำงานของผู้คนจะเปลี่ยนใจจากการพัฒนาของเทคโนโลยีจำทำให้ความต้องการโคเวิร์กกิงสเปช มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 30% ในปี 2573
สำหรับรูปแบบการให้บริการของ เดอะ เกรท รูม ได้แก่ 1. Hot Offices หรือสมาชิกรายบุคคล ซึ่งคิดค่าใช้จ่ายเริ่ม 750 เหรียญสิงคโปร์ต่อเดือน สำหรับการใช้บริการ 1 สาขา (ที่เกษร ทาวเวอร์ จะคิดประมาณ 9,5000 บาทต่อเดือน) และ 1,050 เหรียญสิงคโปร์ต่อเดือน สำหรับการใช้บริการทุกสาขาทั้งใน และต่างประเทศ ปัจจุบันมีสมาชิกรายบุคคล 400-500 ราย
2. Dedicated Offices หรือสมาชิกสำนักงาน เริ่มต้นขนาด 2-20 ที่นั่ง ค่าใช้จ่ายเริ่มต้น 2,800 เหรียญสิงคโปร์ต่อเดือน (ที่เกสร ทาวเวอร์ ประมาณ 15,000 บาทต่อคนต่อเดือน หากบริษัทมีจำนวนคนมาก ค่าเช่าก็จะถูกลง) โดยจะทำสัญญาเริ่มต้น 6 เดือนถึง 1-2 ปี และค่าใช้จ่ายจะปรับขึ้น 5% ทุกๆ 6 เดือน (ค่าเช่าที่สำนักงานทั่วไปจะยิ่งถูกลงเมื่อสัญญายิ่งยาวขึ้น เพราะเจ้าของตึกชอบความแน่นอน ส่วนผู้เช่าชอบความยืดหยุ่น จึงเกิดไอเดียของ co-working space) สมาชิกประเภทนี้ได้สิทธิใช้บริการได้ทุกสาขา และ 3. Business Club หรือสมาชิกระดับผู้บริหารที่ได้รับเชิญ ซึ่งจะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในเดือนมิถุนายนนี้
จุดเด่นของเดอะ เกรท รูม คือการออกแบบโคเวิร์กกิงสเปชให้มีบรรยากาศหรูหรา อบอุ่นเหมือนโรงแรมห้าดาว โดยเฉพาะห้องรับแขก (drawing room) ซึ่งสถาปนิกผู้ออกแบบให้ทุกสาขาล้วนเป็นบริษัทที่ออกแบบให้โรงแรมหรู เนื่องจากสถาปนิกโรงแรมจะมีความเชี่ยวชาญในการออกแบบพื้นที่แคบให้สามารถใช้ประโยชน์ได้สูงสุด และมีความสวยงาม ซึ่งจะช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้กับการทำงานได้ ทำให้คนทำงานมีพลัง เกิดประสิทธิผลในการทำงาน เป็นการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำงานในสำนักงาน ซึ่งบรรยากาศที่มีการออกแบบเช่นนี้ยังเอื้อต่อการสร้างชุมชน สร้างเครือข่าย การปฏิสัมพันธ์ของผู้มาใช้บริการ เกิดการทำงานร่วมกัน แลกเปลี่ยน และสามารถมีโอกาสเป็นพาร์ตเนอร์ทางธุรกิจกันได้
นอกจากนี้ เดอะ เกรท รูม ยังมีจุดเด่น ได้แก่ สามารถเข้าออกได้ 24 ชม. โดยใช้คีย์การ์ด การจัดงานอีเวนต์ที่เชิญซีอีโอบริษัท ผู้ก่อตั้งธุรกิจที่น่าสนใจ หรือนักลงทุน เข้ามาแลกเปลี่ยนความรู้กับสมาชิก เดือนละ 1 ครั้ง, กิจกรรม Monday Breakfast Club บริการอาหารเช้าในวันจันทร์ ให้คนทำงานอยากมาทำงานในวันจันทร์, บริการคุกกี้ และกาแฟ สำหรับคนที่ทำงานตอนค่ำฟรี, ในวันพฤหัส เดือนละครั้งจะจัดงานอีเวนต์ หรือปาร์ตี ให้สมาชิกทำความรู้จักกัน
ส่วนกลุ่มเป้าหมาย คือ บริษัทที่เปิดดำเนินการมาแล้ว และกำลังขยายธุรกิจ ซึ่งเป็นเซกเมนต์ที่มีช่องว่างในตลาด เนื่องจากธุรกิจผู้ให้บริการโคเวิร์กกิงสเปช ส่วนใหญ่เน้นสตาร์ทอัป รวมถึงบริษัทที่เป็นผู้เช่าอาคารสำนักงานในอาคารเดียวกัน หรืออาคารใกล้เคียง ยังเป็นอีกหนึ่งกลุ่มเป้าหมายที่จะเข้ามาเช่าใช้บริการห้องประชุม หรือเช่า private office (สำนักงานส่วนตัว) ให้ผู้บริหารของบริษัทที่มาจากต่างประเทศและต้องการใช้พื้นที่ทำงานชั่วคราวในระยะสั้น โดยให้บริการเริ่มต้นตั้งแต่รายชั่วโมงไปจนถึงรายเดือน
ลุยขยายสาขาในไทย
นางจาแอล กล่าวต่อว่า บริษัทมีแผนที่จะขยายการลงทุนมายังประเทศไทย เนื่องจากเป็นประเทศที่มีแนวโน้มการเติบโตของโคเวิร์กกิงสเปชมาก โดยได้ได้เช่าพื้นที่ระยาวบนชั้น 25-26 ของอาคารเกษร ทาวเวอร์ ย่านราชประสงค์ พื้นที่รวม 2,800 ตร.ม. โดยใช้เงินลงทุนแต่งแต่งภายในรวมกว่า 100 ล้านบาท โดยจะเปิดตัวในวันที่ 28 มิ.ย. นี้
นอกจากการเปิดเดอะ เกรท รูม เกษรทาวเวอร์ แล้วบริษัทยังมีแผนที่จะเปิดที่อาคารสินธร ทาวเวอร์ ถนนวิทยุ ซึ่งอยู่ระหว่างการออกแบบ และประเมินงบลงทุน คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในไตรมาส 4 ปีนี้ ขนาดพื้นที่ 3,160 ตร.ม. จำนวน 2 ชั้น
นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนที่จะขยายการลงทุนไปยังเมืองใหญ่ทั่วภูมิภาคเอเชีย บริษัทมีนักลงทุนให้ความสนใจร่วมทุน โดยรายแรก คือ แคปปิตอลแลนด์ ซึ่งเป็นเจ้าของตึกวัน จอร์จ สตรีท ที่เป็นสาขาแรกของเดอะเกรทรูม และพบว่าธุรกิจเดอะเกรทรูม มีการขยายตัวสูง จึงได้เข้ามาลงทุนถือหุ้นหลังจากที่เปิดบริการที่สาขาแรก โดยเข้ามาร่วมทุนในเดือนกันยายน 2560 ผ่านกองทุน C31 Ventures และเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เทมาเสก ได้อนุมัติเงินกู้ 10 ล้านเหรียญสิงคโปร์ ให้แก่บริษัท และในเดือนกันยายนนี้ บริษัทจะได้รับเงินทุนก้อนที่ 2 จากนักลงทุนกลุ่มหนึ่ง จำนวน 150 ล้านเหรียญสิงคโปร์ หรือราว 3,500 ล้านบาท ในการขยายธุรกิจ
สำหรับแผนการลงทุนในช่วงที่เหลือของปี 2561 นอกจากการเปิด 2 สาขาที่ไทย และบริษัทยังมีแผนที่จะเปิดสาขาที่อาคาร งีอาน ซิตี้ (Ngee Ann City) อาคารสำนักงานใจกลางถนนออร์ชาร์ด แหล่งชอปปิ้งชื่อดังของสิงคโปร์ ขนาด 1,400 ตร.ม. ซึ่งจะเปิดตัวในเดือน มิ.ย. นี้ รวมถึงเปิดสาขาที่ฮ่องกง ในช่วงปลายปี
ส่วนในปี 2562 มีแผนการขยายสาขาที่กัวลาลัมเปอร์ จาการ์ต้า เซี่ยงไฮ้ และฮ่องกง สาขา 2 และ ปี 2020 ที่โตเกียว โดยวางเป้าหมายขยายสาขาครอบคลุมเมืองใหญ่ๆ ในเอเชียแปซิฟิก ภายใน 5 ปีนับจากนี้