“พฤกษา” ประเมินตลาดรวมอสังหาฯปีนี้ ยอดโอนกรรมสิทธิ์เติบโต 5% พร้อมยืนเป้ารายได้ทั้งปี 50,500 ล้านบาท เปิดกลยุทธ์ปั๊มยอดขายทุกทาง จูงใจลูกบ้านแนะนำลูกค้า ดึงเอเยนต์กระจายพอร์ตลูกค้าต่างชาติ ผนึกแบงก์ต่อยอดลูกค้าขายและซื้อที่อยู่อาศัยในโครงการพฤกษา
นางสุพัตรา เป้าเปี่ยมทรัพย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) กล่าวคาดการณ์ถึงตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2561 ว่า มูลค่าตลาดรวมในกรุงเทพฯ และปริมณฑล อยู่ที่ 480,000 ล้านบาท เติบโต 11% และยอดโอนกรรมสิทธิ์ ประมาณ 310,000 ล้านบาท เติบโต 5% ส่วนใหญ่ในไตรมาสแรก มียอดขายรอรับรู้รายได้ (แบ็กล็อก) ของสินค้าคอนโดมิเนียมเติบโต 40% บ้านเดี่ยว 18% และทาวน์เฮาส์ 7% ซึ่งมี 110 โครงการที่เปิดตัวออกสู่ตลาดกว่า 60% เป็นกลุ่มโครงการแนวราบและ 40% กลุ่มของคอนโดฯ รวมมูลค่า 1 แสนล้านบาท ซึ่งจะพบว่าจำนวนยูนิตที่ออกมามีจำนวนลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 60 แต่มูลค่ากลับเพิ่มสูงขึ้น
“จากพยายามในเรื่องการควบคุมและบริหารสินเชื่อกับภาคสถาบันการเงิน ส่งผลให้ในไตรมาสแรก ตัวเลขออกมาค่อนข้างดี โดยกลุ่มบ้านเดี่ยว อัตราปฎิเสธสินเชื่อไม่ถึง 4% ซึ่งหากเราสามารถเร่งการก่อสร้าง และโอน ก็จะช่วยให้ผลการดำเนินงานปรับตัวสูงขึ้น”
สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาสแรก บริษัทมียอดขายรวม 12,696 ล้านบาท คิดเป็น 24% ของเป้ายอดขายรวมทั้งปีที่ 53,742 ล้านบาท และมีรายได้รวม 8,352 ล้านบาท มีกำไรสุทธิรวม 862 ล้านบาท โดยในไตรมาสแรกได้เปิด 15 โครงการ มูลค่า 9,800 ล้านบาท ส่วนในไตรมาส 2 คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่อง โดยมองว่ากำลังซื้อผู้บริโภคจะขยายตัวขึ้นหลังจากแนวโน้มหนี้สินปรับลดลง ซึ่งบริษัทมีแผนเปิดโครงการใหม่อีก 20 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 14,800 ล้านบาท คาดครึ่งปีจะมีการเปิด 35 โครงการ มูลค่าโครงการ 24,600 ล้านบาท
โดยตั้งเป้ารายได้ปี 61 ที่ระดับ 50,500 ล้านบาท และยอดขายพรีเซล 53,700 ล้านบาท โดยมีแผนเปิดโครงการใหม่ทั้งหมด 77 โครงการ มูลค่ารวม 67,800 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการระดับพรีเมียม 4 โครงการ คอนโดมิเนียม 8 โครงการ บ้านเดี่ยว 21 โครงการ และทาวน์เฮาส์ 44 โครงการ ซึ่งจะเน้นทำเลกรุงเทพและปริมณฑล 64 โครงการ และต่างจังหวัด 13 โครงการ ซึ่งในจำนวนนี้เป็นโครงการในพื้นที่โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) จำนวน 7 โครงการ ได้แก่ ชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทรา ปัจจุบัน พฤกษา มีโครงการที่อยู่ระหว่างเปิดขาย 188 โครงการ มูลค่า 96,129 ล้านบาท
สำหรับกลยุทธ์การขยายตลาดและเพิ่มช่องการขายนั้น อยู่ในขั้นตอนของการทดสอบระบบ ทั้งการเน้นทำในกลุ่มของ B TO B ให้มากขึ้น ลูกค้าที่อยู่ในโครงการพฤกษา จะได้แต้มสะสมในการแนะนำลูกค้า การแต่งตั้งตัวแทนขาย (Sale agent) ทำตลาดในต่างประเทศ รวมถึงการต่อยอดที่อยู่อาศัยให้กับลูกค้า เช่น ลูกค้าที่เคยอยู่ในโครงการทาวน์เฮาส์ และมีฐานะที่ดีขึ้น และขยับขยายไปโครงการบ้านเดี่ยว พฤกษา จะพัฒนาบริการระหว่างการขายเก่าและขายใหม่ให้กับลูกค้า และประสานควบคู่ไปกับสถาบันการเงินที่จะเข้ามาให้บริการ เป็นต้น ปัจจุบัน พฤกษามีฐานลูกค้าที่เก็บบันทึกเข้ามาดูโครงการ 7.5 แสนรายชื่อ ซึ่งจะเป็นกลุ่มลูกค้าของบริษัทในอนาคต
นายธีรเดช เกิดสำอางค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มธุรกิจทาวน์เฮาส์ กล่าวถึงแผนธุรกิจกลุ่มทาวน์เฮาส์ว่า ในปีนี้จะรุกตลาดต่างจังหวัดมากขึ้น โดยเฉพาะในเขต EEC และจังหวัดที่เป็นหัวเมืองท่องเที่ยว และนิคมอุตสาหกรรม เช่น ภูเก็ต และเชียงใหม่ รวม 13 โครงการ มูลค่า 8,000 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีแผนขยายไปทาวน์เฮาส์ให้ครอบคลุมทุกตลาด โดยจะเพิ่มในกลุ่มราคา 5-7 ล้านบาทให้มากยิ่งขึ้น โดยในไตรมาสแรก ได้เปิด 3 โครงการ
ผู้สื่อข่าวรายงานสำหรับความคืบหน้าการคัดสรรห้องชุดให้กับตัวแทนขาย (Sale agent) นั้น เบื้องต้น ได้นำร่องให้ตัวแทนขายชาวจีน นำห้องชุดจำนวนหนึ่งใน 2 โครงการ คือ โครงการคอนโดมิเนียม เดอะ ทรี ลาดพร้าว 15 คอนโดฯ โลว์ไรส์ ห่างจาก MRT ลาดพร้าว ประมาณ 1 กม. (ซึ่งเป็น Interchange กับสายสีเหลืองในอนาคตด้วย) และโครงการ แชปเตอร์วัน อีโค รัชดา-ห้วยขวาง ใกล้แยกเหม่งจ๋าย ไปทำการตลาด ปรากฏว่าลูกค้าให้การตอบรับอย่างมาก เนื่องจากโครงการของบริษัทอยู่ในทำเลที่ลูกค้าชาวจีนต้องการ
“จะพบว่าดีมานด์ชาวจีนติดต่อเข้ามาเยอะ และหากโมเดลนี้สำเร็จ ต้องพูดว่า ตอนนี้ขั้นทดสอบระบบ เพราะเราต้องคิดหลายส่วน อาทิเช่น อาจจะแบ่งโซนนิงให้กับลูกค้าต่างชาติ เพื่อมิให้กระทบกับความเป็นอยู่ของลูกค้าคนไทย หรือเรื่องสัดส่วนที่จะคัดห้องชุดให้กับตัวแทนขายนั้น อาจจะกำหนดไม่แน่นอน เช่น 15-20% เป็นต้น” ผู้สื่อข่าวรายงาน.