xs
xsm
sm
md
lg

ไทยออยล์ Q1/61 กำไรสุทธิ 5.6 พัน ล.-ลดฮวบ 20%

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


บมจ. ไทยออยล์ ไตรมาสแรก 61 กำไรสุทธิ 5.6 พันล้าน กำไรสุทธิต่อหุ้น 2.75 บาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนเกือบ 1.5 พันล้าน หรือ 20% หลังจาก Crude Premium ปรับตัวเพิ่มขึ้นกดดันให้กำไรขั้นต้นจากการกลั่นลดลง

นายอธิคม เติบศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP เปิดเผยถึง ผลการดำเนินประงวดไตรมาสแรก สิ้นสุด 31 มีนาคม 2561 ว่า บริษัทกำไรสุทธิ 5,607.90 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 2.75 บาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 7,074.50 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 3.47 บาท หรือกำไรสุทธิลดลง 1,466.60 ล้านบาท คิดเป็น 20.73%

ทั้งนี้ หากเปรียบเทียบ Q1/61 และ Q4/60 กลุ่มไทยออยล์ มีรายได้จากการขาย 91,617 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,174 ล้านบาท ตามราคาขายและปริมาณจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้น กำไรขั้นต้นจากการผลิตของกลุ่มไม่รวมผลกระทบจากสต๊อกน้ำมัน 8.2 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ลดลงเล็กน้อยจากไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจาก Crude Premium ปรับเพิ่มขึ้น

ด้านตลาดสารอะโรเมติกส์ปรับตัวดีขึ้น โดยตลาดสารพาราไซลีนได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์ที่ดีจากประเทศจีน จากนโยบายลดการนำเข้าขยะพลาสติกและขวด PET รวมถึงมีการเปิดดำเนินการของโรงผลิตพีทีเอแห่งใหม่ด้วย ด้านตลาดสารตั้งต้นสำหรับผลิตภัณฑ์สารทำความสะอาดปรับตัวดีขึ้น จากอุปทานสาร LAB ในเอเชียโดยเฉพาะประเทศจีน ที่ปรับลดลงจากการลดกำลังการผลิตของโรงผลิตสาร LAB ที่อยู่ในพื้นที่ควบคุมมลพิษ รวมถึงตลาดยังมีแรงหนุนจากอุปสงค์ในภูมิภาคที่เพิ่มขึ้นหลังเทศกาลตรุษจีน

ส่วนตลาดน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐานปรับตัวดีขึ้นเช่นกัน เนื่องจากประเทศจีนมีการนำเข้าน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐานเพิ่มขึ้น ขณะที่อุปทานปรับตัวลดลงจากการปิดซ่อมบำรุงของโรงผลิตน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐานกรุ๊ป 1 หลายแห่งในภูมิภาค อย่างไรก็ตาม ตลาดยางมะตอยปรับตัวลงจากอุปสงค์ในภูมิภาคที่ยังคงเบาบาง

ทั้งนี้ จากราคาปิดของน้ำมันดิบดูไบที่สูงขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาสก่อนหน้า ส่งผลให้กลุ่มไทยออยล์ มีกำไรขั้นต้นจากการผลิตของกลุ่มรวมผลกระทบจากสต๊อกน้ำมันอยู่ที่ 8.6 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เทียบกับ11.8 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลใน Q4/60 และเมื่อรวมผลกำไรจากอนุพันธ์เพื่อประกันความเสี่ยงสุทธิ 102 ล้านบาท ส่งผลให้กลุ่มไทยออยล์ มี EBITDA 7,359 ล้านบาท ลดลง 3,451 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากผลกำไรจากสต๊อกน้ำมันที่ลดลง

ขณะเดียวกัน กลุ่มไทยออยล์ มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนสุทธิ 1,470 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 793 ล้านบาท จากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นมากจาก ณ สิ้นไตรมาสก่อน โดยส่วนใหญ่เกิดจากกำไรทางบัญชีที่ยังไม่เกิดขึ้นจากการแปลงค่าของเงินกู้ยืมสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อหักค่าเสื่อมราคา ต้นทุนทางการเงิน และค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้แล้ว ทำให้ใน Q1/61 กลุ่มไทยออยล์ มีกำไรสุทธิ 5,608 ล้านบาท หรือ 2.75 บาทต่อหุ้น ลดลง 1,319 ล้านบาทจาก Q4/60

เมื่อเทียบ Q1/61 กับ Q1/60 กลุ่มไทยออยล์ มีรายได้จากการขายเพิ่มขึ้น 4,021 ล้านบาท จากราคาขายผลิตภัณฑ์เฉลี่ยที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นและปริมาณวัตถุดิบที่ป้อนเข้าสู่กระบวนการผลิตของกลุ่มเพิ่มขึ้น ทำให้ปริมาณจำหน่ายผลิตภัณฑ์โดยรวมเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม กลุ่มไทยออยล์ มีกำไรขั้นต้นจากการผลิตของกลุ่มไม่รวมผลกระทบจากสต๊อกน้ำมันลดลง 1.2 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เป็นผลจากกำไรขั้นต้นจากการกลั่นที่ลดลงโดยได้รับแรงกดดันจาก Crude Premium ที่ปรับเพิ่มขึ้นมาก อีกทั้งส่วนต่างราคาน้ำมันเบนซิน และน้ำมันเตา รวมถึงส่วนต่างราคาสารอะโรเมติกส์ปรับลดลง ส่งผลให้กลุ่มไทยออยล์ มี EBITDA ลดลง 2,189 ล้านบาท ทั้งนี้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มขึ้น147 ล้านบาท ขณะที่ต้นทุนทางการเงินลดลง 96 ล้านบาท เมื่อหักค่าเสื่อมราคา และค่าใช้จ่ายภาษีเงินแล้ว ส่งผลให้กลุ่มไทยออยล์ มีกำไรสุทธิลดลง 1,467 ล้านบาท


กำลังโหลดความคิดเห็น