คลัง-สรรพากร เตือนร้านค้าประชารัฐเก็บค่าธรรมเนียมรูดเครื่อง EDC ผิดเงื่อนไข ตัดสิทธิร่วมโครงการขายสินค้าบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ส่งสรรพากรพื้นที่ให้ความรู้ ย้ำจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มไม่ยาก ไม่น่ากลัว
นายพรชัย ฐีระเวช รองโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กรณีตามกระแสข่าวมีการเผยแพร่ภาพข้อความร้านธงฟ้าประชารัฐ เรียกเก็บเงินจากการใช้บัตรประชารัฐเพิ่ม อ้างว่าต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ 7 นั้น กระทรวงการคลัง ชี้แจงว่า การเข้าร่วมเป็นร้านค้าธงฟ้าประชารัฐนั้น ร้านค้าต้องไม่จำหน่ายสินค้าเกินกว่าราคาจำหน่ายปลีกที่กำหนดไว้ รายใดเรียกเก็บเงินเพิ่มจากการใช้บัตรประชารัฐ โดยอ้างว่าเป็นการจ่ายภาษีมูลค่าเพิ่มนั้น ถือว่าที่ไม่ถูกต้อง และผิดเงื่อนไขการเข้าร่วมเป็นร้านธงฟ้าประชารัฐ
ทั้งนี้ ที่ผ่านมา กรมบัญชีกลางสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการติดตั้งเครื่องรับชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ (EDC) ดังนั้น การติดตั้งเครื่อง EDC เพื่อรับชำระค่าสินค้าในร้านธงฟ้าประชารัฐ จึงไม่ได้เพิ่มต้นทุนให้แก่ร้านค้า และหากทำผิดหลักเกณฑ์กรมการค้าภายใน กรมการค้าภายในจะเพิกถอนการเป็นร้านธงฟ้าประชารัฐ กรมบัญชีกลางจะเรียกคืนเครื่อง EDC ทันที และจะไม่ให้วางเครื่อง EDC อีกต่อไป หากประชาชน หรือผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ พบเห็นร้านธงฟ้าประชารัฐฉวยโอกาส หรือเอาเปรียบประชาชนให้ไม่ได้รับความเป็นธรรมในการซื้อสินค้า ขอให้แจ้งเบาะแสชื่อร้านค้า และที่ตั้งร้านค้าได้ที่กรมสรรพากร สำนักงานคลังจังหวัดทั่วประเทศ และสายด่วน 1569 กรมการค้าภายใน หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ
นางแพตริเซีย มงคลวนิช โฆษกกรมสรรพากร กล่าวว่า หากร้านค้ารายใดมียอดขายเกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม และต้องแสดงใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ.20) ภายในร้านค้าให้ลูกค้าได้รับทราบแบบเปิดเผยสังเกตเห็นได้ง่าย และหากร้านค้ายังไม่ได้รวมภาษีมูลค่าเพิ่มในราคาสินค้า ร้านค้าสามารถเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มเพิ่มเติมจากราคาสินค้าที่ยังไม่ได้รวมภาษีมูลค่าเพิ่มได้ในอัตราร้อยละ 7 โดยต้องขายสินค้าราคาเดียวกันแก่ผู้ซื้อทุกราย และต้องนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่มด้วยการนำภาษีขายที่ได้เรียกเก็บหักภาษีซื้อจากการซื้อสินค้า และนำส่งส่วนต่างให้แก่กรมสรรพากรทุกเดือน
ทั้งนี้ ยอมรับว่าอาจทำให้ร้านค้ามีขั้นตอนเพิ่มขึ้นบ้าง แต่ไม่น่ากลัว หรือยุ่งยากมากเกินไป และเมื่อกิจการขยายเติบโตขึ้นการจัดทำบัญชีรายรับ รายจ่าย จะทำให้รับรู้ผลกำไรขาดทุนชัดเจนมากขึ้น อีกทั้งผู้ค้าส่งสินค้าจะทำการค้ากับผู้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มส่วนใหญ่ เพราะมีมาตรฐาน รวมทั้งขณะนี้มีระบบโปรแกรมคอมพิวเตอร์ราคาไม่แพงอำนวยความสะดวกเรื่องภาษีมูลค่าเพิ่ม และได้จัดส่งเจ้าหน้าที่สรรพากรลงพื้นที่ให้คำแนะนำการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม เพราะไม่ได้ยุ่งยากซับซ้อนเหมือนที่เป็นกังวล ไม่อยากให้ยอดขายที่ดีขึ้นในชุมชนต้องเป็นอุปสรรคเมื่อต้องจดทะเบียนมูลค่าเพิ่ม