xs
xsm
sm
md
lg

บล. ไอร่า เผยหุ้นไทยเดือน พ.ค. ได้แรงเก็งกำไรงบ Q1/61 และเศรษฐกิจฟื้น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


บล. ไอร่า เผยหุ้นไทยเดือน พ.ค. ได้แรงเก็งกำไรงบ Q1/61 และเศรษฐกิจฟื้น ส่วนปัจจัยที่ยังคงกดดันภาพรวมการลงทุน มาจาก Fund Flow ต่างชาติยังขายสุทธิตลอด 4 เดือนแรกของปี 2561 จำนวน 79,567 ล้านบาท แต่คาดภาพรวมยังได้รับการชดเชยจากแรงซื้อสุทธิของสถาบันในประเทศ หนุนดัชนีแกว่งในกรอบ 1,710-1,800 จุด

นางจิตรลดา เลขาพันธ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.ไอร่า (AS) กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นในเดือนพฤษภาคม ได้แรงเก็งกำไรประกาศผลประกอบการ ไตรมาส 1/2561 ถึงกลางเดือน พ.ค. รวมถึงจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติช่วง 3 เดือนแรกในปีนี้ เพิ่มขึ้น 15% อยู่ที่ 10.6 ล้านคน รวมนักท่องเที่ยวจีน 3.2 ล้านคน เพิ่มขึ้น 31% ซึ่งดีกว่าเป้าหมายในปีนี้ที่คาดเติบโต 5-7% จาก 35.38 ล้านคน เมื่อปี 2560

นอกจากนี้ คาดการณ์ว่าราคาน้ำมันยังทรงตัวในระดับสูง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบของในอิหร่าน ซึ่งหากมีการยิงอาวุธนิวเคลียร์ และสหรัฐฯ ทำการคว่ำบาตรอิหร่าน ส่งผลให้ราคาน้ำมันจะเพิ่มขึ้นอีก 5 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล รวมทั้งคาดว่ากลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ขยายระยะเวลาปรับลดการผลิตจากเดิมครบกำหนดปลายปีนี้

ประกอบกับเศรษฐกิจในประเทศที่มีการฟื้นตัวอย่างโดดเด่น โดยคาดการณ์ว่า ตัวเลข GDP ปี 2561 น่าจะมีการเติบโตมาอยู่ในระดับที่ 4.1-4.2% สูงสุดในรอบ 6 ปี ภายใต้การเติบโตทุกๆ อุตสาหกรรมโดยเฉพาะการส่งออก และท่องเที่ยว ที่โดดเด่น จึงมองว่าแนวโน้มเศรษฐกิจไทยดีต่อเนื่อง

ส่วนปัจจัยที่ยังคงกดดันภาพรวมการลงทุนมาจาก Fund Flow ต่างชาติยังขายสุทธิตลอด 4 เดือนแรกของปี 2561 จำนวน 79,567 ล้านบาท แต่คาดภาพรวมยังได้รับการชดเชยจากแรงซื้อสุทธิของสถาบันในประเทศ แม้ช่วงปลาย เม.ย. ที่ผ่านมา จะมีแรงขายสุทธิของสถาบันในประเทศออกมาบ้าง และอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond Yield) สหรัฐฯ หลังเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากปลาย เม.ย. และขึ้นไประดับสูงสุดในรอบ 5 ปี แม้สะท้อนความแข็งแกร่งเศรษฐกิจของสหรัฐฯ แต่ต้นทุนเงินกู้ยืม มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นคาดกดดันการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง รวมถึงตลาดหุ้น และอาจทำให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้า (คาดอีก 2 ครั้งในเดือน มิ.ย. และ ก.ย. สำหรับปี 2561)

นอกจากนี้ ยังคงต้องจับตาการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 16 พ.ค. ภายใต้อัตราเงินเฟ้อ มี.ค. 2561 ยังอยู่ในระดับต่ำเพียง 0.63% เมื่อเทียบเป้าหมายปี 2561 ที่ 2.5% ซึ่งบวก ลบ เพียง 1.5% จึงคาดว่า กนง. จะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย รวมถึงประเด็นการเมือง หลังสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ยื่นร่าง พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ อาจส่งผลต่อโรดแมปเลือกตั้งในเดือน ก.พ. 2562 และความไม่แน่นอน และนโยบายของสหรัฐฯ ที่ออกมาอาจสร้างความผันผวน และส่งผลต่อความเชื่อมั่นลงทุนเช่นที่เกิดขึ้นเมื่อเดือน มี.ค. และ เม.ย. ที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม ประเมินกรอบดัชนีทางเทคนิคที่ 1,710-1,800 จุด จากปัจจัยหนุนจากปัจจัยในประเทศโดยเฉพาะทิศทางการเติบโตเศรษฐกิจที่ดีขึ้น โดยเฉพาะภาคส่งออก และท่องเที่ยว แต่ภายใต้ความเสี่ยงจากประเด็นต่างประเทศ เช่น นโยบายการเงิน รวมถึงนโยบายกีดกันทางการค้า และความไม่แน่นอนนโยบายของสหรัฐฯ Fund Flow ออกจาก Emerging Market รวมถึงไทย จากความกังวลว่า เฟดอาจขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้น หาก Bond Yield ปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน พร้อมคาดอาจเผชิญแรงขายทำกำไร (Sell on Fact) หลังหมดช่วงประกาศผลประกอบการกลางเดือน พ.ค. นี้

ดังนั้น แนะนำกลยุทธ์การลงทุนภายใต้ประเด็นความน่าสนใจเฉพาะกลุ่ม เช่น กลุ่มพลังงาน และปิโตรเคมี ตามราคาน้ำมันและผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี เช่น PTTGC, กลุ่มที่ได้รับประโยชน์จากจำนวนนักท่องเที่ยว เช่น AOT, กลุ่มที่ได้รับประโยชน์จากมาตรการช่วยเหลือกลุ่ม TV Digital เช่น WORK, กลุ่มธุรกิจการเงิน เช่น MTC (MTLS เดิม) และหุ้นที่มีปัจจัยความน่าสนใจเฉพาะตัวในเชิงพื้นฐาน เช่น AP, HANA และ UNIQ เป็นต้น


กำลังโหลดความคิดเห็น