หุ้นไทยปิดลบ 8.68 จุด ตามตลาดในต่างประเทศ หลัง Bond Yield สหรัฐฯ พุ่งแรงทะลุ 3% ขณะที่บ้านเราเจอแรงกดดันเพิ่มหลังงบฯ SCC ต่ำกว่าตลาดคาด
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล. เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ (25 เม.ย.) ปรับตัวลงในทิศทางเดียวกับตลาดต่างประเทศ ทั้งตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่ต่างติดลบ ตามดาวโจนส์ที่ปรับตัวลงไปมาก และตลาดในยุโรปที่เทรดบ่ายนี้ต่างก็ติดลบราว 0.5-1% เป็นผลจากที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ (Bond Yield) พุ่งแรงทะลุ 3% ขึ้นไป ซึ่งเป็นผลมาจากข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ดี และกำไรของบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐฯ ก็ออกมาดีด้วย ทำให้ไปกดดันตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market) ไปบ้าง แต่ก็เป็นแรงกดดันภายใต้เศรษฐกิจที่ดีขึ้น
ทั้งนี้ ตลาดบ้านเราได้รับแรงกดดันจากหุ้นในกลุ่มพลังงาน และกลุ่มปิโตรเคมี ที่ปรับตัวลงไป โดยเฉพาะหุ้น PTT ที่เทรดพาร์ใหม่แล้วก็น่าจะย่อตัวลงบ้าง และผลประกอบการของ SCC ก็ออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาดด้วย ทำให้ไปกดดันตลาดฯด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ภาพตลาดฯ ที่ย่อตัวลงนี้ก็เป็นโอกาสที่จะเข้าไปซื้อ และเมื่อปรับตัวขึ้นก็ควรจะขาย
วันนี้ ดัชนีหุ้นไทยปิดตลาดที่ระดับ 1,779.52 จุด ลดลง 8.68 จุด หรือเปลี่ยนแปลง -0.49% มูลค่าการซื้อขาย 65,018.58 ล้านบาท
สำหรับแนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (26 เม.ย.) นายวิจิตร กล่าวว่า ภาพตลาดฯ ยังเป็นลักษณะของการพักฐานอยู่ แต่ก็ยังน่าจะตั้งรับได้โดยมองหุ้นที่น่าสนใจเป็น หุ้น IVL, PTT, CPALL เป็นต้น ซึ่งหุ้น PTT ก็คงจะต้องรอให้ปรับฐานให้เสร็จก่อน พร้อมให้ติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนต่อไป และติดตามการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในประเด็นของ QE จะออกมาเป็นอย่างไร พร้อมให้แนวรับ 1,765 จุด ส่วนแนวต้าน 1,790 จุด