“เพซ” เดินหน้าธุรกิจอีกครั้ง หลัง “คิง เพาเวอร์” ควักเงิน 1.4 หมื่นล้าน ซื้อตึกมหานครโครงการใหญ่มูลค่า 2 หมื่นล้านแล้ว ดึงเงินสานต่อ 4 โครงการใหญ่ มูลค่าเกือบ 2 หมื่นล้านบาท พร้อมทุ่มเงินขยายสาขาธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม แบรนด์ “ดีน แอนด์ เดลูก้า” ลั่นมีกำไรจากเงินสดในปี 61
หลังจากที่บริษัท เพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PACE ได้ประกาศอย่างเป็นทางการที่ขายตึกในโครงการ “มหานคร” ซึ่งถือว่าอยู่ในทำเลทอง ทำเลไพร์มแอเรียบนถนนสาทร ใจกลางศูนย์กลางธุรกิจ (ซีบีดี) ให้กับบริษัท คิง เพาเวอร์ มหานคร จำกัด บริษัทลูกของบริษัท คิง เพาเวอร์ จำกัด ด้วยมูลค่าสูงถึง 14,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นดีลที่ช่วยปลดล็อกปัญหาและภาระหนี้สินให้กับบริษัท เพซ และสร้างความสบายใจให้กับเจ้าหนี้รายใหญ่อย่างธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB
ล่าสุด นายสรพจน์ เตชะไกรศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PACE กล่าวถึงแผนการลงทุนหลังจากนี้ว่า บริษัทฯ มีแผนที่จะนำกระแสเงินสดส่วนหนึ่ง ที่ได้จากการขายสินทรัพย์บางส่วนในโครงการมหานคร มาใช้ในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายของบริษัทอีก 4 โครงการ มูลค่าโครงการทั้งหมดรวมกว่า 20,000 ล้านบาท โดยสองโครงการแรกมีการทยอยโอนกรรมสิทธิ์แล้ว สามารถรับรู้รายได้ภายในปี 2561 ได้แก่ 1) เดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน เรสซิเดนเซส บางกอก มียอดรอรับรู้รายได้ (แบ็กล็อกมูลค่า 3,280 ล้านบาท) และห้องชุดที่รอขายอีกมูลค่าประมาณ 4,281 ล้านบาท 2) โครงการมหาสมุทร วิลล่า มียอดแบ็กล็อก มูลค่า 816 ล้านบาท และมีวิลลา รอขายมูลค่าประมาณ 3,088 ล้านบาท
และ 3) โครงการนิมิต หลังสวน มียอดขายแล้วกว่า 90% เป็นยอดแบ็กล็อกคิดเป็นมูลค่า 6,709 ล้านบาท และห้องชุดรอขายมูลค่าประมาณ 1,291 ล้านบาท และ 4) โครงการ วินด์เชลล์ นราธิวาส มียอดแบ็กล็อก 792 ล้านบาท และมีห้องชุดรอขายอีกมูลค่าประมาณ 2,208 ล้านบาท โดยทั้งโครงการนิมิต หลังสวน และ โครงการวินด์เชลล์ คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จ และสามารถโอนและรับรู้รายได้ภายในปี 2562
สำหรับโครงการมหาสมุทร คันทรี่ คลับ หัวหิน บริษัทฯ มีแผนที่จะหาพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อร่วมลงทุน และปรับรูปแบบ พร้อมเพิ่มฟีเจอร์ให้กับโครงการด้วยการเพิ่มจำนวนห้องพัก เพื่อทำเป็นโรงแรมเพื่อสุขภาพแบบครบวงจรระดับไฮเอนด์ในคลับเฮ้าส์ (Health & Wellness) โดยปัจจุบัน โครงการมหาสมุทร คันทรี่ คลับ มีสมาชิกกว่า 200 สมาชิก
ขณะที่ในส่วนของธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มแบรนด์ “ดีน แอนด์ เดลูก้า” เพซ จะนำกระแสเงินสดอีกส่วนหนึ่งมาใช้ลงทุนขยายสาขาในประเทศสหรัฐอเมริกา ในคอนเซ็ปต์ใหม่ภายใต้ชื่อ DEAN & DELUCA xp ส่วนสาขาในประเทศไทย และประเทศญี่ปุ่น เน้นขยายในรูปแบบคาเฟ โดยทั้งสองคอนเซ็ปต์นี้เป็นการลงทุนในรูปแบบร้านขนาดเล็ก ที่เน้นการลงทุนน้อย แต่ได้ประสิทธิผลมากขึ้น และเป็นรูปแบบที่ถูกออกแบบไว้ให้พร้อมขยายได้อย่างรวดเร็ว ภายในเวลาเดียวกัน หากมีดีมานด์ โดยคอนเซ็ปต์ DEAN & DELUCA xp จะเริ่มที่มหานครนิวยอร์ก เป็นแห่งแรก
นอกจากนั้น ยังเน้นการขายสิทธิบัตรหรือแฟรนไชส์ให้กับผู้ประกอบการในหลาย ๆ ประเทศทั่วโลก ซึ่งปัจจุบันมีสาขาที่เป็นแฟรนไชส์ จำนวน 30 สาขา ใน 9 ประเทศ โดยเพซ เป็นเจ้าของกิจการในสหรัฐอเมริกา จำนวน 10 สาขา ในประเทศไทย จำนวน 11 สาขา และถือหุ้นร้อยละ 50 ในดีน แอนด์ เดลูก้า แบบคาเฟที่ประเทศญี่ปุ่น จำนวน 17 สาขา ซึ่งในปี 2560 ดีน แอนด์ เดลูก้า สามารถทำรายได้ที่ 3,142 ล้านบาท และตั้งเป้าที่จะมีกำไรจากกระแสเงินสดภายในปี 2561.