นายสรพจน์ เตชะไกรศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PACE ระบุบริษัทฯ อยู่ระหว่างดำเนินการเปิดขายหุ้นกู้มูลค่า 3 พันล้านบาท เพื่อนำเงินที่ได้ปชำระตราสารหนี้ระยะสั้นของบริษัทฯ ขณะเดียวกัน ชี้แจงแผนลงทุนว่า ทาง Apollo และ Goldman Sachs เข้ามาร่วมลงทุนในโครงการมหานคร ทำให้บริษัทมีเงินสด จำนวนกว่า 5 พันล้านบาท สามารถลดหนี้ลงได้แล้วกว่า 3 พันล้าน และจะนำเงินทุนส่วนที่เหลือไปสร้างจุดชมวิวชั้นบนสุดของโครงการมหานคร เพื่อเป็นจุดท่องเที่ยวใหม่ของเอเชีย อีกทั้งสามารถสร้างรายได้อย่างต่อเนื่องให้กับบริษัทฯ ในอนาคต
“บริษัทยังสามารถรับรู้รายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อย่างต่อเนื่อง โดย เดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน เรสซิเดนเซส ในโครงการมหานครได้เริ่มต้นโอนตั้งแต่ปี 2559 และในไตรมาสแรกของปี 2560 บริษัทรับรู้รายได้จากยอดโอนมหานครแล้ว ประมาณ 1.8 พันล้านบาท และคาดว่าภายในไตรมาสที่ 2 และ 3 ของปีนี้ บริษัทฯ จะสามารถรับรู้รายได้จากการโอนแบ็กล็อกโครงการมหานคร เพิ่มขึ้นอีก 6.8 พันล้านบาท โดยลูกบ้าน เดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน ในโครงการมหานคร จะสามารถเข้าพักอาศัยตั้งแต่เดือนมิถุนายนเป็นต้นไป และขณะเดียวกัน โครงการมหาสมุทร วิลล่า ก็จะเริ่มทยอยโอนตั้งแต่เดือนตุลาคมปีนี้เช่นกัน ดังนั้นบริษัทคาดว่า ภายในปีนี้จะเริ่มมีกำไรอย่างต่อเนื่อง และจะทำให้สัดส่วนหนี้สินต่อทุนของบริษัทมีแนวโน้มจะลดลงอีก และรายได้เทิร์นอราวด์ภายในปีนี้”
ปัจจุบัน เพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น มีโครงการที่พักอาศัยที่อยู่ระหว่างการพัฒนา จํานวน 5 โครงการ ได้แก่ เดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน เรสซิเดนเซส บางกอก ณ โครงการมหานคร, โครงการมหาสมุทร วิลล่า โครงการนิมิต หลังสวน, โครงการบนถนนนราธิวาสราชนครินทร์, และโครงการวิลล่าตากอากาศสกีรีสอร์ท ในเมืองนิเซโกะ ประเทศญี่ปุ่น
“รวมมูลค่าโครงการทั้งหมด ประมาณ 3.4 หมื่นล้านบาท และยังมีแบ็กล็อกอีกมูลค่าทั้งหมด 1.53 หมื่นล้านบาท ซึ่งบริษัทจะสามารถรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี 2560 เป็นต้นไป ผมมั่นใจว่า เพซจะสามารถลดหนี้ และสร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งลงทุนขยายดีน แอนด์ เดลูก้า อย่างเต็มที่ตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป” นายสรพจน์ กล่าว
สำหรับในส่วนของธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ดีน แอนด์ เดลูก้า นายสรพจน์ กล่าวว่า บริษัทยังคงอยู่ในช่วงของการวางรากฐานเพื่อลงทุนขยายกิจการอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นในส่วนร้านที่บริษัทลงทุนเองในประเทศไทย สหรัฐอเมริกา และอังกฤษ รวมถึงสาขาร่วมทุน (joint venture) ในประเทศญี่ปุ่น และพร้อมขยายแบรนด์ผ่านการขายแฟรนไชส์ไปเมืองหลักอื่นๆ ทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง
“การลงทุนขยายสาขาแบรนด์ ดีน แอนด์ เดลูก้า เมื่อถึงจุดหนึ่งบริษัทจะเริ่มทยอยรับรู้และมีกำไรตามมา โดยล่าสุด บริษัทได้แต่งตั้งคุณลอร่า เลนดรัม ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารเพื่อบริหาร และขยายงานในกลุ่มธุกิจรีเทล และออนไลน์ในสหรัฐอเมริกา โดยบริษัทฯ เชื่อมั่นว่า ด้วยความเชี่ยวชาญของคุณลอร่า จะสามารถช่วยให้ดีน แอนด์ เดลูก้า สามารถทำกำไรให้บริษัทฯ ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น” นายสรพจน์ กล่าว
“บริษัทยังสามารถรับรู้รายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อย่างต่อเนื่อง โดย เดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน เรสซิเดนเซส ในโครงการมหานครได้เริ่มต้นโอนตั้งแต่ปี 2559 และในไตรมาสแรกของปี 2560 บริษัทรับรู้รายได้จากยอดโอนมหานครแล้ว ประมาณ 1.8 พันล้านบาท และคาดว่าภายในไตรมาสที่ 2 และ 3 ของปีนี้ บริษัทฯ จะสามารถรับรู้รายได้จากการโอนแบ็กล็อกโครงการมหานคร เพิ่มขึ้นอีก 6.8 พันล้านบาท โดยลูกบ้าน เดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน ในโครงการมหานคร จะสามารถเข้าพักอาศัยตั้งแต่เดือนมิถุนายนเป็นต้นไป และขณะเดียวกัน โครงการมหาสมุทร วิลล่า ก็จะเริ่มทยอยโอนตั้งแต่เดือนตุลาคมปีนี้เช่นกัน ดังนั้นบริษัทคาดว่า ภายในปีนี้จะเริ่มมีกำไรอย่างต่อเนื่อง และจะทำให้สัดส่วนหนี้สินต่อทุนของบริษัทมีแนวโน้มจะลดลงอีก และรายได้เทิร์นอราวด์ภายในปีนี้”
ปัจจุบัน เพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น มีโครงการที่พักอาศัยที่อยู่ระหว่างการพัฒนา จํานวน 5 โครงการ ได้แก่ เดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน เรสซิเดนเซส บางกอก ณ โครงการมหานคร, โครงการมหาสมุทร วิลล่า โครงการนิมิต หลังสวน, โครงการบนถนนนราธิวาสราชนครินทร์, และโครงการวิลล่าตากอากาศสกีรีสอร์ท ในเมืองนิเซโกะ ประเทศญี่ปุ่น
“รวมมูลค่าโครงการทั้งหมด ประมาณ 3.4 หมื่นล้านบาท และยังมีแบ็กล็อกอีกมูลค่าทั้งหมด 1.53 หมื่นล้านบาท ซึ่งบริษัทจะสามารถรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี 2560 เป็นต้นไป ผมมั่นใจว่า เพซจะสามารถลดหนี้ และสร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งลงทุนขยายดีน แอนด์ เดลูก้า อย่างเต็มที่ตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป” นายสรพจน์ กล่าว
สำหรับในส่วนของธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ดีน แอนด์ เดลูก้า นายสรพจน์ กล่าวว่า บริษัทยังคงอยู่ในช่วงของการวางรากฐานเพื่อลงทุนขยายกิจการอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นในส่วนร้านที่บริษัทลงทุนเองในประเทศไทย สหรัฐอเมริกา และอังกฤษ รวมถึงสาขาร่วมทุน (joint venture) ในประเทศญี่ปุ่น และพร้อมขยายแบรนด์ผ่านการขายแฟรนไชส์ไปเมืองหลักอื่นๆ ทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง
“การลงทุนขยายสาขาแบรนด์ ดีน แอนด์ เดลูก้า เมื่อถึงจุดหนึ่งบริษัทจะเริ่มทยอยรับรู้และมีกำไรตามมา โดยล่าสุด บริษัทได้แต่งตั้งคุณลอร่า เลนดรัม ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารเพื่อบริหาร และขยายงานในกลุ่มธุกิจรีเทล และออนไลน์ในสหรัฐอเมริกา โดยบริษัทฯ เชื่อมั่นว่า ด้วยความเชี่ยวชาญของคุณลอร่า จะสามารถช่วยให้ดีน แอนด์ เดลูก้า สามารถทำกำไรให้บริษัทฯ ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น” นายสรพจน์ กล่าว