เวิลด์แบงก์ ประมาณการจีดีพีไทย เติบโต 4.1% ในปีนี้รับแรงส่งต่อเนื่องจากการส่งออก-ท่องเที่ยว ขณะที่บริโภค-ลงทุนเอกชนมีสัญญาณฟื้นตัวชัดเจนขึ้น ส่วนปัจจัยเสี่ยงเป็นการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ยังไม่ทั่วถึง-สงครามการค้าโลก
นายอูลริค ซาเกา ผู้อำนวยการ ธนาคารโลก ประจำประเทศไทย มาเลเซีย และความร่วมมือในภูมิภาค เปิดเผยถึงรายงานตามติดเศรษฐกิจไทยฉบับล่าสุดว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2561 จะเติบโตที่ร้อยละ 4.1 ซึ่งเป็นการเติบโตสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2555 โดยการเติบโตอย่างรวดเร็วของการส่งออกยังคงเป็นกำลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ขณะที่อัตราการใช้กำลังของภาคอุตสาหกรรมและการนำเข้าสินค้าทุนที่เพิ่มขึ้น ก็ส่งสัญญานว่าการบริโภคในประเทศกำลังฟื้นตัว
ทั้งนี้ การเร่งดำเนินการตามแผนการลงทุนขนาดใหญ่โดยเฉพาะโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการด้านคมนาคมขนส่งระยะเร่งด่วนจัดว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวได้อย่างเข้มแข็งในปี 2561 ไปจนถึง 2562 นอกจากนี้ การดำเนินการอย่างต่อเนื่องในการปฏิรูปด้านการศึกษาและทักษะ การบริหารจัดการลงทุนภาครัฐและการบริการ ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้เศรษฐกิจของประเทศไทยเดินหน้าเติบโตสูงกว่าร้อยละ 4 ในระยะยาว
อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยมีศักยภาพที่จะเพิ่มผลิตภาพ และยังสามารถเติบโตได้รวดเร็วยิ่งขึ้นในระยะปานกลาง หากมีการโครงสร้างอย่างจริงจัง
“ประเทศไทยจะไม่สามารถยกระดับขึ้นสู่ประเทศที่มีรายได้สูงได้ หากไม่มีการยกระดับด้านการศึกษาและทักษะ ซึ่งจะช่วยให้สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว”
นายเกียรติพงศ์ อริยปรัชญา นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส ธนาคารโลก สำนักงานประเทศไทย กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยในปีนี้ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องจากปี 2560 ที่เติบโตในระดับ 3.9% โดยนอกจากปัจจัยขับเคลื่อนจากการส่งออก-ท่องเที่ยวแล้ว ยังมีสัญญาณที่ดีจากอุปสงค์ภายในประเทศ และการลงทุนภาคเอกชนที่ฟื้นตัวชัดเจนขึ้น ขณะที่เศรษฐกิจโลกที่คาดการณ์เติบโตระดับ 3% ยังสนับสนุนการส่งออกให้เติบโตได้ต่อเนื่อง
ขณะที่ปัจจัยเสี่ยงเป็นการขยายตัวของเศรษฐกิจที่ยังไม่ทั่วถึง การส่งออกที่ขยายตัวยังส่งต่อไปไม่ถึงการบริโภค ทำให้ภาคการบริโภคมีความเสี่ยงมากขึ้น หากการลงทุนภาครัฐไม่ออกมาตามกำหนด รวมถึงสงครามการค้าโลกที่อาจจะส่งผลต่อเศรษฐกิจจีนให้ชะลอตัวลง
ทั้งนี้ เวิลด์แบงก์ ประมาณการเศรษฐกิจไทยปีนี้ที่ร้อยละ 4.1 จากปีก่อนที่ร้อยละ 3.9 การส่งออกเติบโตที่ร้อยละ 6.9 จากปีก่อนที่ร้อยละ 7.5 การนำเข้าเติบโตร้อยละ 6.8 จากปีก่อนที่ร้อยละ 6.5 การบริโภคเอกชนเติบโตร้อยละ 3.1 จากปีก่อนที่ร้อยละ 3.2 และการใช้จ่ายภาครัฐที่ร้อยละ 2.7 จากปีก่อนที่ร้อยละ 2.0