กคช. ลั่นปีโครงการร่วมทุนต้องเกิดขึ้น แจงอาจมีทั้งโครงการมูลค่าไม่เกิน 500 ล้านบาท ปรับรูปโครงการร่วมทุนขนาดใหญ่ ดึงเอกชนเช่าที่ดินไปทำทั้ง 5 แปลง สัญญาเช่า 30 บวก 30 เผยปีนี้ได้เห็นแปลงหนองหอย จ.เชียงใหม่ และพื้นที่ร่มเกล้า พร้อมเปิดรูปแบบการพัฒนาโครงการ
สืบเนื่องจากการเคหะแห่งชาติ (กคช.) องค์กรที่รับผิดชอบและดูแลการพัฒนาที่อยู่อาศัยให้ผู้มีรายได้น้อย สามารถเข้าถึงการมีที่อยู่อาศัยได้ โดยภาระหน้าที่ของ กคช. ในปัจจุบันมีหลายโครงการที่ต้องดำเนินการ ทั้งการสนองนโยบายรัฐบาล และการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารสินทรัพย์ที่มีอยู่ให้เกิดมูลค่า และประโยชน์สูงสุด เนื่องจาก กคช. มีที่ดินในกรรมสิทธิ์ทั่วประเทศ ซึ่งอยู่ในทำเลที่มีศักยภาพสูง และยังเป็นที่ต้องการของภาคเอกชนในการพัฒนาโครงการเชิงธุรกิจ
นายไมตรี อินทุสุต ประธานกรรมการการเคหะแห่งชาติ (กคช.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าของโครงการการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐ และเอกชน (Public Private Partnership หรือ PPP) ว่าจะต้องทำให้เกิดขึ้นภายในปี 2561 โดยในรูปแบบที่จะดำเนินการ และเกิดความคล่องตัว จะเป็นโครงการร่วมทุนมูลค่าต่ำกว่า 500 ล้านบาท ซึ่งจะดำเนินการทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เช่น ที่ดินในจังหวัดเชียงใหม่, ร่มเกล้า, โครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดงระยะ 3 และ 4 และที่ลำลูกกา แต่ในการดำเนินงานอาจมีการกำหนดกรอบการมีที่อยู่อาศัยให้กับผู้มีรายได้น้อย ซึ่งอาจจะใช้วิธีแชร์ต้นทุนร่วมกับเอกชนในการดำเนินงาน
ดร. ธัชพล กาญจนกูล ผู้ว่าฯ กคช. เปิดเผยถึงแนวทางการส่งเสริมศักยภาพของ กคช. ว่ามีหลายวิธีที่ดำเนินการ ซึ่งแต่ละวิธีก็ล้วนทำให้การใช้ทรัพย์สิน และศักยภาพของ กคช. ให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยในส่วนแรก คือ โครงการร่วมดำเนินกิจการ : เคหะประชารัฐ-ภูมิภาค มุ่งเน้นพัฒนาโครงการขนาดเล็กที่มีมูลค่าโครงการไม่เกิน 1,000 ล้านบาท ดำเนินการภายใต้พระราชบัญญัติการเคหะแห่งชาติ โดย กคช. จะให้การสนับสนุนภาคเอกชนในส่วนภูมิภาค หรือกลุ่มผู้ประกอบการรายใหญ่ ซึ่งมีที่ดิน และเงินทุน แต่ขาดประสบการณ์ในการบริหารจัดการโครงการ ด้วยการให้คำปรึกษาและให้ความช่วยเหลือในด้านต่าง ๆ อาทิ การศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ การสนับสนุนการยื่นขออนุมัติวงเงินสินเชื่อในอัตราดอกเบี้ยพิเศษ รวมถึงกำกับดูแลการออกแบบ พร้อมควบคุมงานด้านการก่อสร้าง และร่วมวางแผนด้านการตลาดและการขายโครงการ ตลอดจนการบริหารชุมชนหลังจากการก่อสร้างแล้วเสร็จ เป็นต้น ซึ่งจะทำให้โครงการดังกล่าวมีโอกาสระสบความสำเร็จสูง เป็นการจูงใจให้ผู้ประกอบการท้องถิ่นเข้ามาลงทุนในโครงการที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น โดยได้วางเป้าหมายในการพัฒนาไว้จังหวัดละประมาณ 1,000 หน่วย รวมทั้งสิ้นประมาณ 70,000 หน่วยทั่วประเทศ
“ทาง กคช. ได้มีการเชิญเอกชนที่สนใจเข้ามาฟัง แค่พูดเดือนเดียวมีเข้ามา 30 โครงการ ซึ่งตอนนี้ เรามีเป้าหมายที่จะเข้าเป็นพี่เลี้ยงให้กับ 20 โครงการ คาดจะดำเนินได้ในครึ่งปีหลัง ซึ่งศักยภาพของ กคช. จะมีส่วนหนุนให้กับผู้ประกอบการ ช่วยการขาย เครดิตของ กคช. จะทำให้ผู้ประกอบได้รับแหล่งเงินที่อัตราดอกเบี้ยถูก เรื่องประชาสัมพันธ์ที่รวดเร็ว และกว้างขวาง และแม้ผู้ประกอบการจะเป็นโลว์โคสแบรนด์ แต่กำลังยกระดับ Brand”
ดร. ธัชพล กล่าวถึงโครงการร่วมลงทุน PPP ว่า ปีนี้จะต้องเห็นความร่วมมือดังกล่าว แต่รูปแบบจอยอินเวสเมนต์จะเปลี่ยนไป โดยจะเปิดให้เอกชนเช่าไปทำ มีระยะเวลา 30 บวก 30 ในเบื้องต้น จะมี 2 โครงการจาก 5 เป้าหมายที่จะต้องเกิดขึ้น ได้แก่ โครงการเชิงพาณิชย์ในโครงการเคหะชุมชนเชียงใหม่ (หนองหอย) ซึ่งที่ปรึกษาได้มีการวิเคราะห์ความเหมาะสมของการพัฒนาที่ดินบนเนื้อที่ 25 ไร่ ได้แก่ เน้นโครงการผู้สูงอายุคาดพัฒนาได้ 1,000 ยูนิต โรงพยาบาล และคอมมูนิตีมอลล์ มูลค่าโครงการ 5,000 ล้านบาท และโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัย และพาณิชย์ร่มเกล้า ซึ่งกำลังอยู่ในขั้นตอนการทำประชาสัมพันธ์เชิงการตลาด (Marketing Public Relations : MPR) ที่ดินดังกล่าว เหมาะสำหรับการพัฒนาเมืองที่อยู่อาศัย คอมมูนิตีมอลล์ โดยมีการแบ่งที่ดินมาดำเนินการ 138 ไร่ จากทั้งหมด 700-800 ไร่ มูลค่าโครงการประมาณ 3,000 ล้านบาท
“เราปรับรูปแบบการทำจากเดิมที่คิดจะเป็นจอยเวนเจอร์ แต่เมื่่อมาประเมินแล้ว รูปแบบดังกล่าวอาจจะมีความเสี่ยง เนื่องจากเราต้องร่วมดำเนินการ หากเกิดปัญหาเราก็ต้องรับไป ทำให้เราปรับมาเป็นการให้เอกชนเช่าที่ดินแทน”
สำหรับผลการดำเนินงานในช่วง 5 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2561 (ต.ค. 60-ก.พ. 61) ตัวเลขการขายค่อนข้างน่าพอใจ โดยสามารถทำได้ 8,000 หน่วย หรือคิดเป็น 60% ของเป้าขายทั้งปีที่ 13,000 หน่วย และสามารถทำกำไรได้ 500 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้ ส่วนเป้าหมายกำไรทั้งปีวางไว้ 2,000 ล้านบาท ซึ่งน่าจะทำได้เกินเป้า.