xs
xsm
sm
md
lg

แพลนเน็ตฯ ลั่น ปีนี้ฟื้นกำไร-ขอโตทะลุ 20%

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


แพลนเน็ตคอมมิวนิเคชั่น เอเชีย ลั่น ผลงานปีนี้พลิกโชว์กำไร หลังมั่นใจ คว้างานประมูลใหม่ไม่ต่ำกว่า 25% ของมูลค่ารวมราว 2-3 พันล้านบาท คาดรายได้ปี 61 แตะ 800 ล้านบาท โต 20% จากปีก่อน เผยตุน Backlog แล้ว 300 ล้านบาท รอรับรู้รายได้ภายในปีนี้ 80% ตั้งเป้าเดินหน้าลงทุนไม่หยุด ล่าสุด แตกไลน์ผลิตภัณฑ์ใหม่ “คลาวด์ ออฟฟิศ” เตรียมหาแหล่งเงินทุนเพื่อลงทุนเพิ่มไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท

นายประพัฒน์ รัฐเลิศกานต์ กรรมการผู้อำนวยการและหัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แพลนเน็ตคอมมิวนิเคชั่น เอเชีย จำกัด (มหาชน) หรือ PLANET ผู้ดำเนินธุรกิจผู้ให้บริการออกแบบ ติดตั้ง จำหน่ายระบบเทคโนโลยีสื่อสารโทรคมนาคมและระบบดิจิทัลทีวีครบวงจร เปิดเผยถึงภาพรวมการดำเนินธุรกิจในปี 2561 ว่ามีแนวโน้มการเติบโตอย่างเห็นได้ชัดเจนจากธุรกิจโทรคมนาคม ที่ในปีนี้มีโครงการประมูลขนาดใหญ่ เกี่ยวกับการจัดซื้อระบบและอุปกรณ์สื่อสารของหน่วยงานของรัฐ รวมถึงจากภาคเอกชนจำนวนมาก คิดเป็นมูลค่าไม่ต่ำกว่า 2-3 พันล้านบาท ซึ่งจากการประเมินในเบื้องต้น บริษัทฯ มีโอกาสได้งานราว 300-400 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนไม่ต่ำกว่า 25% ของมูลค่ารวม

ทั้งนี้ ในปี 2561 บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายรายได้รวมอยู่ที่ 800 ล้านบาท หรือเติบโต 20% เมื่อเทียบจากปีก่อน โดยปัจจุบัน บริษัทฯ มีงานในมือ (Backlog) ประมาณ 300 ล้านบาท รอรับรู้รายได้ภายในปีนี้ 80% โดยสัดส่วนรายได้ในปี 2561 จะมาจากธุรกิจระบบโทรคมนาคม และระบบทีวีดิจิทัล 60% ธุรกิจบริการ 20% และจากรายได้ขายผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ภายใต้ แบรนด์ของบริษัทฯ 20%

“ปี 2561 เป็นปีที่มีสัญญาณที่ดีมาก ๆ สำหรับธุรกิจของบริษัทฯ และมั่นใจว่า ผลประกอบการจะสามารถ พลิกเป็นมีกำไรแน่นอนจากงานประมูลที่มีมากขึ้น ซึ่งด้วยความเชี่ยวชาญ และความมีมาตรฐานในระดับโลก เกี่ยวกับธุรกิจระบบโทรคมนาคม จึงมั่นใจว่ามีโอกาสที่จะได้งานในสัดส่วนที่ค่อนข้างสูง ประกอบกับบริษัทฯ ยังจะมีรายได้เข้ามาเพิ่มจากการแตกไลน์ผลิตภัณฑ์ใหม่ด้วย” นายประพัฒน์ กล่าว

นายประพัฒน์ กล่าวต่อถึงผลิตภัณฑ์ใหม่ “คลาวด์ ออฟฟิศ โซลูชัน” (Cloud Office Solution) ที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการ ล่าสุด (วันที่ 27 มีนาคม 2561) ว่า เป็นผลิตภัณฑ์การให้บริการด้วยนวัตกรรมใหม่ที่รองรับกับความเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี และสอดรับในยุคดิจิทัล 4.0 โดยจะสามารถช่วยอำนวยความสะดวกให้กับองค์กร และหน่วยงาน ที่สำคัญ ยังสามารถลดต้นทุนและค่าใช้จ่ายโดยเฉพาะค่าใช้จ่ายด้านการสื่อสาร ได้สูงกว่า 30-50% ของค่าใช้จ่ายภายในองค์กร ซึ่งเหมาะสำหรับกลุ่มผู้ประกอบการรายใหม่ กลาง ขนาดเล็ก รวมไปถึงกลุ่มสตาร์ทอัป โดยอุปกรณ์ทุกอย่างในออฟฟิศจะปรับเปลี่ยนมาประมวลผลบนระบบคลาวด์ทั้งหมด

“ที่ผ่านมา สถานประกอบการแต่ละแห่งจะมีการลงทุน อาทิ ตู้สาขาโทรศัพท์ หรือ Private Branch Exchange (PBX), ระบบอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง, กล้องวงจรปิด หรือ CCTV สำหรับรักษาความปลอดภัย ตลอดจนระบบ server และมีค่าใช้จ่ายสำหรับดูแลที่ค่อนข้างสูง แต่ปัจจุบัน ทุกองค์กร หรือสถานประกอบการต่าง ๆ ไม่จำเป็นต้องติดตั้งอุปกรณ์ หรือดูแลอุปกรณ์เองแล้ว เพราะสมาร์ทออฟฟิศโซลูชัน ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ของบริษัทฯ ที่ดำเนินการภายใต้ระบบคลาวด์เซอร์วิส เป็นบริการคลาวด์ออฟฟิศ บริการนี้จะทำให้ผู้ประกอบการได้รับความสะดวก และไม่ต้องแบกรับต้นทุนที่สูง ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งสำหรับลูกค้าที่ต้องการลดต้นทุน ลดค่าใช่จ่าย เพราะอุปกรณ์ทุกอย่าง เราให้บริการเช่ารายเดือน หรือรายปี หรือจำหน่าย แล้วแต่ความต้องการของลูกค้า รวมทั้งเรายังให้การดูแลอุปกรณ์ทั้งหมด โดยหากปัญหาเปลี่ยนอุปกรณ์ใหม่ให้ ทั้งนี้ หากผู้ประกอบการรายใดสนใจ บริษัทฯ สามารถดำเนินการติดตั้งอุปกรณ์ที่ออฟฟิศจำเป็นต้องมีได้แล้วเสร็จภายใน 3 วัน ซึ่งหากผู้ประกอบการรายใดสนใจ เรายินดีติดตั้งให้ทดลองใช้งานเป็นระยะเวลา 1 เดือน ฟรี โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย” นายประพัฒน์ กล่าว

นายประพัฒน์ กล่าวต่อว่า ระบบดังกล่าว บริษัทฯ ทดลองมา 2 ปีแล้ว ซึ่งสามารถใช้งานได้อย่างเสถียร และได้รับความสนใจจากองค์กรต่าง ๆ เพราะระบบดังกล่าวจะช่วยลดต้นทุนดำเนินธุรกิจ โดยเฉพาะการติดต่อสื่อสารได้สูงกว่า 30-50% สำหรับเป้าหมายการให้บริการคลาวด์ออฟฟิศนั้น ตั้งเป้าภายใน 1 ปีนี้ คาดว่าจะมีลูกค้าใช้บริการประมาณ 100 ราย จากตอนนี้มีอยู่แล้ว 5 ราย ซึ่งเป็นองค์กรขนาดใหญ่ และบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย

ทั้งนี้ บริษัทฯ มีแผนหาแหล่งเงินทุนเพื่อลงทุนเพิ่มไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท โดยวางเป้าหมายไว้ว่า อีก 5 ปี คาดว่าจะมีสัดส่วนรายได้ธุรกิจบริการ เพิ่มขึ้นเป็น 50% ส่วนหนึ่งจะมาจากรายได้จากธุรกิจใหม่ทางด้านคลาวด์ออฟฟิศ Internet of Things (IoT) และ Smart City ทั้งส่วนการจำหน่ายสินค้าและบริการให้เช่า รวมถึงยังมีพัฒนาผลิตภัณฑ์ในรูปแบบใหม่เกิดขึ้นอีก และจะเป็นแรงผลักดันที่สำคัญทำให้บริษัทมีการเติบโตของรายได้ที่แน่นอน บาลานซ์ความเสี่ยงจากงานประมูลโครงการโทรคมนาคม


Smart City เมืองอัจฉริยะพัฒนาด้วยไอที
Smart City เมืองอัจฉริยะพัฒนาด้วยไอที
แนวคิดในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือในยุคนี้ที่ใช้คำว่า “เทคโนโลยีดิจิทัล” มาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในประเทศไทยนั้น มีมานานแล้ว แต่ยังขาดความชัดเจน ต่างคนต่างพัฒนาไปคนละทิศละทาง ทำให้เกิดความล่าช้าไม่เป็นรูปธรรมเสียที รัฐบาลชุดปัจจุบันเห็นปัญหาและให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นลำดับต้น ๆ ปรับเปลี่ยนการทำงานมาเป็นแบบเชิงรุก เราจึงเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนและรวดเร็วนับตั้งแต่ปีพ.ศ.2557 เป็นต้นมา จนถึงปัจจุบันก็ประมาณ 4 ปี ทั้งการขยายเครือข่ายอินเทอร์เน็ต การเพิ่มจำนวนของสตาร์ทอัพด้านดิจิทัล การประยุกต์ใช้ดิจิทัลในศาสตร์สาขาวิชาชีพต่าง ๆ รวมไปถึงการพัฒนาด้านกฎหมาย การคุ้มครองสิทธิส่วนบุคคล และความปลอดภัยบนไซเบอร์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ประโยชน์สูงสุดจากเทคโนโลยีดิจิทัลในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน นวัตกรม ข้อมูล ทรัพยากรมนุษย์ และทรัพยากรอื่น ๆ เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน
กำลังโหลดความคิดเห็น