บอร์ด “ไซแมท เทคโนโลยี” ปิดดีลเทกโอเวอร์ “ฮินชิซึ” สำเร็จใช้เป็นแขนขารุกสู่ธุรกิจ Silk Screen Printing ในประเทศไทย งานนี้ไม่ต้องห่วงเรื่องเงินทุน แบงก์ให้วงเงินซัปพอร์ตเต็มที่ “ทองคำ มานะศิลปพันธ์” มั่นใจช่วยผลักดันผลงานปี 61 ก้าวกระโดด จ่อรับรู้รายได้เข้ามาทันทีในไตรมาส 2/61 พร้อมกันนี้ประกาศเพิ่มทุนขาย RO ในอัตรา 5:1 พร้อมแจกวอร์แรนต์ฟรี และให้ออกหุ้นกู้แปลงสภาพให้ AO Fund กว่า 500 ล้านบาท เพื่อรองรับการขยายธุรกิจอื่น ๆ ในอนาคต อาทิ งานโครงการภาครัฐ และการซื้อกิจการใหม่ภายใน 3 ปีข้างหน้า
นายทองคำ มานะศิลปะพันธ์ ประธานกรรมการ บริษัท ไซแมท เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SIMAT เปิดเผยว่า ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 2/2561 เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2561 มีมติอนุมัติการเข้าร่วมลงทุนในบริษัท ฮินชิซึ (ประเทศไทย) จำกัด (ฮินชิซึ) ซึ่งประกอบธุรกิจ Silk Screen Printing ที่เป็นแผงวงจรควบคุมสำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้า ไม่ว่าจะเป็นแผงกดเตาไมโครเวฟ เครื่องซักผ้า เป็นต้น
ทั้งนี้ เพื่อรองรับกระแสดิจิทัลที่กำลังมาแรงขึ้นทุกปี จากการเข้าซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนในฮินชิซึ จากผู้ถือหุ้นเดิม รวมเป็นเงินทั้งสิ้นไม่เกิน 280 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 70 ของหุ้นสามัญทั้งหมดของฮินชิซึ โดยธนาคารพาณิชย์ให้กู้เงินเพื่อซื้อกิจการ จำนวน 187 ล้านบาท และส่วนที่เหลือ จำนวน 93 ล้านบาท จะใช้เงินจากการเพิ่มทุน Right Offering
“การเข้าซื้อหุ้นในธุรกิจ Silk Screen Printing ครั้งนี้ จะช่วยผลักดันภาพรวมรายได้และกำไรของบริษัทฯ ในปี 2561 ให้เติบโตอย่างก้าวกระโดด และสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น เนื่องจากบริษัท ฮินชิซึ มีรายได้เฉลี่ย 300-400 ล้านบาทต่อปี อีกทั้งยังมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีตามภาวะอุตสาหกรรม Home Appliance อีกด้วย โดยปี 2560 จากงบภายในมียอดกำไรสุทธิเกือบ 40 ล้านบาท นอกจากนี้ การได้ธุรกิจ Silk Screen Printing มารวมกับธุรกิจ Label Printing ของบริษัทย่อยนั้น จะช่วยลดต้นทุนการผลิตโดยเฉพาะต้นทุนการพัฒนาผลิตภัณฑ์และต้นทุนการสั่งซื้อวัตถุดิบจาก Economy of Scale และช่วยเพิ่มรายได้ทั้งสองฝ่ายจากการรวมฐานลูกค้าที่เป็นลูกค้ากลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ส่งผลให้รายได้เติบโตขึ้น และต้นทุนการผลิตลดลง โดย SIMAT จะเริ่มรับรู้รายได้จากการลงทุน ได้ตั้งแต่ไตรมาส 2/2561 เป็นต้นไป” นายทองคำ กล่าว
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ยังมีมติให้นำเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อขออนุมัติให้บริษัทออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน จำนวนไม่เกิน 106,402,919 หุ้น ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัท ตามสัดส่วนจำนวนหุ้นที่ผู้ถือหุ้นแต่ละรายถืออยู่ (Right Offering) ในอัตราส่วน 5 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ ราคาเสนอขายหุ้นละ 2 บาท โดยบริษัทคาดว่าจะได้รับเงินจากการเพิ่มทุนดังกล่าว ประมาณ 175 ล้านบาท ซึ่งเงินเพิ่มทุนส่วนหนึ่ง จำนวน 93 ล้านบาท จะไว้ใช้สำหรับลงทุนซื้อกิจการของฮินชิซึ
ส่วนที่เหลือจะนำไปใช้คืนหนี้เงินกู้ระยะยาวและใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน และได้มีมติอนุมัติการออกและเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทครั้งที่ 4 (SIMAT-W4) จำนวนไม่เกิน 53,201,460 หน่วย ในสัดส่วน 12 หุ้นต่อ 1 วอร์แรนต์ เพื่อจัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทหลังจากบริษัทได้จดทะเบียนเพิ่มทุนชำระแล้ว โดยมีราคาใช้สิทธิที่ 1 บาท ใช้สิทธิได้ครั้งเดียวเมื่อสิ้นอายุ 3 ปี (ปี 2564)
นอกจากนี้ ยังมีมติอนุมัติการออกและเสนอขายหุ้นกู้แปลงสภาพโดยเฉพาะเจาะจง (Private Placement) จำนวนไม่เกิน 500 ล้านบาท ให้แก่ Advance Opportunities Fund I (AO FUND) ซึ่งถือเป็นเงินสำรองสำหรับบริษัทเพื่อใช้ในการลงทุนขยายกิจการ งานโครงการภาครัฐ หรือซื้อกิจการใหม่อื่น ๆ โดยจะใช้ก็ต่อเมื่อมีโครงการที่ให้ผลตอบแทนดี และความเสี่ยงต่ำ คาดว่าจะเริ่มใช้ในช่วงปลายปี 2561 เป็นต้นไป
นายทองคำ กล่าวอีกว่า ส่วนแผนและยุทธ์ศาสตร์การดำเนินธุรกิจในปีนี้ บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นเพิ่มแหล่งที่มาของรายได้ เช่น การจับมือกับพันธมิตรยักษ์ใหญ่อสังหาฯ ของเมืองไทย เพื่อขยายการให้บริการด้านอินเทอร์เน็ต และไอที ในตึก อาคารสำนักงาน และโฆษณาตามอาคาร การจับมือกับพันธมิตรเคเบิลท้องถิ่น เพื่อต่อยอดให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงผ่านโครงข่ายใยแก้วนำแสง (FTTx) ภายใต้แบรนด์ “Sinet” จากเดิม B-C เป็น B-B ซึ่งเชื่อมั่นว่า การเข้ามาเจาะตลาดนี้ของ SIMAT จะช่วยขยายฐานรายได้ และผลักดันให้ธุรกิจเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และยั่งยืน สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น พร้อมกลับมาเทิร์นอะราวนด์ตามแผนภายในปีนี้แน่นอน