โพลสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน คาดเป้าหมายดัชนีหุ้นไทยสิ้นปีนี้ 1,871 จุด ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนยังอยู่ในภาวะร้อนแรง โดยนักลงทุนเชื่อว่า กลุ่มปิโตรเคมี และเคมีภัณฑ์ มีความน่าสนใจลงทุนมากที่สุด
นายไพบูลย์ นลินทรางกูร นายกสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน เปิดเผยว่า ผลการสำรวจความเห็นนักวิเคราะห์ และผู้จัดการกองทุน 27 บริษัท พบว่า ดัชนีหุ้นไทยสิ้นเดือนมีนาคม อยู่ที่ 1,818 จุด ขณะที่สิ้นปีนี้อยู่ที่ 1,871 จุด ต่ำสุด 1,727 จุด และ สูงสุดที่ 1,910 จุด
สำหรับปัจจัยที่มีผลต่อดัชนีหุ้นไทยมากที่สุด ทิศทางดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ เฟด นโยบายเศรษฐกิจการค้าของสหรัฐฯ ซึ่งจะกระทบต่อกระแสเงินทุนเคลื่อนย้ายต่างชาติ รองลงมา และปัจจัยการเมืองในประเทศ การเลือกตั้ง และปัจจัยการเมืองและความขัดแย้งระหว่างประเทศ ส่วนการคาดการณ์กำไรต่อหุ้นของตลาดเฉลี่ยอยู่ที่ 111.53 บาท และกำไรบริษัทจดทะเบียนอยู่ที่ร้อยละ 11.70 ส่วนหุ้นเด่นปีนี้ นักวิเคราะห์แนะนำหุ้น BBL, CPALL, ERW, KBANK, PTTGC
นายกีรติ โกสีย์เจริญ ผู้แทนสภาธุรกิจตลาดทุนไทย กล่าวว่า ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนในอีก 3 ข้างหน้า (พ.ค. 61) อยู่ที่ 143.09 ลดลงร้อยละ 8.70 จากระดับ 156.62 จากการสำรวจครั้งก่อน แต่ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนยังอยู่ในภาวะร้อนแรงเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน กลุ่มนักลงทุนต่างชาติเป็นกลุ่มเดียวที่มีความเชื่อมั่นต่อระดับดัชนีในระดับที่ร้อนแรงมาก โดยปัจจัยหนุนมาจากความเชื่อมั่นผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนและภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่เติบโตดี อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังต้องติดตามสถานการณ์ทางการเมืองเรื่องความชัดเจนของวันเลือกตั้ง และนโยบายการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด ประมาณ 3- 4 ครั้งในปีนี้ ซึ่งเป็นปัจจัยฉุดความเชื่อมั่นของนักลงทุน
นักลงทุนเชื่อว่า กลุ่มปิโตรเคมี และเคมีภัณฑ์ มีความน่าสนใจลงทุนมากที่สุด จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้น ขณะที่กลุ่มหมวดธนาคาร ไม่น่าสนใจลงทุน เนื่องจากความเสี่ยงที่จะปรับตัวไม่ทันต่อเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป