ซีไอเอ็มบีไทย ระบุยังไม่มีตัวเลขการปิดสาขาเพิ่ม ทรงอยู่ที่ 80 สาขา จำนวนพนักงานก็ยังเท่าเดิมเช่นกัน แต่ต้องมีการปรับบทบาทให้เหมาะสม พร้อมเปิดโครงการ “Wealth STAR” คัดสรรปรึกษาทางการเงินสายพันธุ์ใหม่เข้าสู่ตลาด เตรียมรุกธุรกิจ Wealth
นายอดิศร เสริมชัยวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจรายย่อย ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผยว่า นโยบายด้านสาขาและพนักงานของธนาคารนั้น ในส่วนของจำนวนสาขาปัจจุบันอยู่ที่ 80 สาขา คงจะยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง หลังจากช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ได้ปรับลดลงจากเดิม 140 สาขา แต่จะต้องมีการปรับเปลี่ยนการให้บริการจากฝาก ถอน โอน จ่าย เปิดบัญชี ซึ่งสามารถใช้เทคโนโลยีเข้ามาแทนที่ได้มาเป็นการให้บริการที่ปรึกษาทางการเงินแทน แต่ก็จะเป็นการทยอยปรับเปลี่ยนโดยดูตามพฤติกรรมลูกค้าเป็นหลัก ขณะเดียวกัน ด้านพนักงานก็เช่นกันจะปรับเปลี่ยนบทบาทไปเป็นที่ปรึกษาการเงิน หรือธุรกิจแทน ซึ่งในปัจจุบันจำนวนพนักงานของธนาคารเท่าเดิมมาตลอด
นอกจากนี้ ธนาคารยังเปิดโครงการสร้างสุดยอดที่ปรึกษาทางการเงินมืออาชีพ ภายใต้ชื่อโครงการ “Wealth STAR” เพื่อสร้างที่ปรึกษาทางการเงินสายพันธุ์ใหม่เข้าสู่ตลาด โดยผู้ที่ผ่านการคัดเลือกรุ่นแรก จำนวน 25 คน จะได้เข้ารับการอบรมในหลักสูตรที่พัฒนาขึ้นมาเฉพาะ รวมถึงจะได้ลงไปเรียนรู้การทำงานจริง และธนาคารจะเป็นสปอนเซอร์ในการสอบใบอนุญาตที่ปรึกษาทางการเงิน และนักวางแผนการเงิน และถ้าสามารถผ่านด่านแรกไปได้ จะได้เริ่มต้นก้าวแรกในตำแหน่งที่ปรึกษาทางการเงินกับธนาคารเป็นระยะเวลา 1 ปี รวมเวลาทั้งสิ้น 2 ปี เปิดรับสมัครตั้งแต่วันที่ 1กุมภาพันธ์-22 มีนาคม 2561
“สิ่งที่เราต้องการไม่ใช่แค่เจ้าหน้าที่ขายของ แต่เป็นคนที่เชื่อมต่อกับลูกค้าได้ แล้วก็แนะนำผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมให้ลูกค้าลงทุน และดูแลกันไปอย่างต่อเนื่อง ตรงจุดนี้เป็นส่วนที่ยังมีความต้องการอยู่ และเชื่อว่ากลุ่มคนรุ่นใหม่น่าจะสนใจ ส่วนเจ้าหน้าที่ที่มีระดับสูงขึ้นไปก็จะมาเป็นพี่เลี้ยงให้อีกทางหนึ่งด้วย”
สำหรับสายงานธุรกิจธนบดีธนกิจในปีที่ผ่านมา ธนาคารมียอดสินทรัพย์ในการบริหาร (AUM) ที่ 200,000 ล้านบาท จากจำนวนลูกค้า 65,000 ราย โดยในปีนี้ตั้งเป้าเติบโตเพิ่มอีก 10,000 ราย ตั้งเป้ารายได้ค่าธรรมเนียมจากธุรกิจ Wealth เพิ่ม 25% เท่ากับปีก่อน ขณะที่สินเชื่อรายย่อยปล่อยใหม่ คาดว่าจะเติบโตได้ 10% จากปีก่อนที่เติบโต 8-9% และมีสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ประมาณ 3% จากสิ้นปีก่อน 2% กว่า โดยเป็นการเพิ่มขึ้นจากพอร์ตที่เพิ่มขึ้น ซึ่งธนาคารก็ยังมีแนวทางที่จะขายหนี้เอ็นพีแอลออกไปบ้าง ก็น่าจะเป็นช่วงไตรมาส 2 เป็นต้นไป