ธนาคารธนชาตประกาศผลการดำเนินงานสำหรับปี 2560โดยสินเชื่อขยายตัวที่ 3% กำไรสุทธิอยู่ที่ 13,810 ล้านบาท หรือ เติบโต 11% จากปีก่อน อันเป็นผลสำเร็จจากการมุ่งเน้นการเป็นธนาคารหลักของลูกค้า (Main Bank) อย่างต่อเนื่อง ตอกย้ำความมีประสิทธิภาพในการเติบโตธุรกิจหลักของธนาคาร
นายสมเจตน์ หมู่ศิริเลิศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในปี 2560 สินเชื่อของธนาคารได้ปรับเพิ่มขึ้น 3% จากปีก่อน ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการขยายตัวของสินเชื่อเช่าซื้อถึง 7% ขณะที่กำไรสุทธิของธนาคารธนชาต และบริษัทย่อยสำหรับปี 2560 มีจำนวน 13,810 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% จากปีก่อน และเติบโตต่อเนื่อง 3 ปีซ้อน หรือ 12 ไตรมาสติดต่อกัน และจากความสามารถในการรักษาคุณภาพสินทรัพย์โดยรวมได้เป็นอย่างดี ส่งผลให้ NPL Ratio ของธนาคารและบริษัทย่อยใกล้เคียงกับปีก่อนอยู่ที่ 2.3% ท่ามกลางการเติบโตของสินเชื่อส่วนเงินกองทุนของธนาคารยังคงอยู่ในระดับสูงโดยเงินกองทุนชั้นที่ 1 (Tier I) ปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 14.8% จาก 13.3% เมื่อสิ้นปีก่อน และมีเงินกองทุนทั้งหมดต่อสินทรัพย์เสี่ยง (CAR) ที่ 18.9%
นายสมเจตน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ความสำเร็จของธนาคารเกิดจากการให้ความสำคัญในการยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Customer Centric) การมุ่งเน้นการบริการอย่างมีคุณภาพในทุก ๆ ช่องทาง รวมถึงการพัฒนาและนำเสนอนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่ตอบโจทย์การดำเนินชีวิตของลูกค้าในยุคดิจิทัลนี้
“สำหรับในปี 2561 ธนาคารจะมุ่งเน้นการดำเนินกลยุทธ์ด้วยการเพิ่มฐานจำนวนลูกค้า และขยายการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า ซึ่งกลยุทธ์การให้ความสำคัญกับลูกค้า ผนวกกับการเติบโตของธุรกิจหลักของธนาคาร จะส่งผลให้ธนาคารสามารถสร้างผลการดำเนินงานที่เติบโต และสร้างเสริมศักยภาพในการแข่งขันของธนาคารได้ดียิ่งขึ้น”
ด้านธนาคารเกียรตินาคิน (KKP) แจ้งกำไรสุทธิปี 2560 ที่ 5,736,8 เพิ่มขึ้น 190.1 ล้านบาท หรือคิดเป็น 3.4% เมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 5,546.7 ล้านบาท
นายสมเจตน์ หมู่ศิริเลิศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในปี 2560 สินเชื่อของธนาคารได้ปรับเพิ่มขึ้น 3% จากปีก่อน ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการขยายตัวของสินเชื่อเช่าซื้อถึง 7% ขณะที่กำไรสุทธิของธนาคารธนชาต และบริษัทย่อยสำหรับปี 2560 มีจำนวน 13,810 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% จากปีก่อน และเติบโตต่อเนื่อง 3 ปีซ้อน หรือ 12 ไตรมาสติดต่อกัน และจากความสามารถในการรักษาคุณภาพสินทรัพย์โดยรวมได้เป็นอย่างดี ส่งผลให้ NPL Ratio ของธนาคารและบริษัทย่อยใกล้เคียงกับปีก่อนอยู่ที่ 2.3% ท่ามกลางการเติบโตของสินเชื่อส่วนเงินกองทุนของธนาคารยังคงอยู่ในระดับสูงโดยเงินกองทุนชั้นที่ 1 (Tier I) ปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 14.8% จาก 13.3% เมื่อสิ้นปีก่อน และมีเงินกองทุนทั้งหมดต่อสินทรัพย์เสี่ยง (CAR) ที่ 18.9%
นายสมเจตน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ความสำเร็จของธนาคารเกิดจากการให้ความสำคัญในการยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Customer Centric) การมุ่งเน้นการบริการอย่างมีคุณภาพในทุก ๆ ช่องทาง รวมถึงการพัฒนาและนำเสนอนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่ตอบโจทย์การดำเนินชีวิตของลูกค้าในยุคดิจิทัลนี้
“สำหรับในปี 2561 ธนาคารจะมุ่งเน้นการดำเนินกลยุทธ์ด้วยการเพิ่มฐานจำนวนลูกค้า และขยายการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า ซึ่งกลยุทธ์การให้ความสำคัญกับลูกค้า ผนวกกับการเติบโตของธุรกิจหลักของธนาคาร จะส่งผลให้ธนาคารสามารถสร้างผลการดำเนินงานที่เติบโต และสร้างเสริมศักยภาพในการแข่งขันของธนาคารได้ดียิ่งขึ้น”
ด้านธนาคารเกียรตินาคิน (KKP) แจ้งกำไรสุทธิปี 2560 ที่ 5,736,8 เพิ่มขึ้น 190.1 ล้านบาท หรือคิดเป็น 3.4% เมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 5,546.7 ล้านบาท