บสย. เผยผลประกอบการปี 2560 เป็นไปตามแผนวิสาหกิจ 86,633 ล้านบาท ชี้มาตรการผลักดันเศรษฐกิจภาครัฐ ส่งผลให้ผู้ประกอบการ SMEs รายใหม่เข้าถึงสินเชื่อเพิ่ม 90,000 ราย เติบโตกว่า 100%
นายนิธิศ มนุญพร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) กล่าวถึงผลดำเนินงานด้านการค้ำประกันสินเชื่อในปี 2560 ว่า ประสบความสำเร็จทั้งในด้านยอดการค้ำประกันสินเชื่อ และจำนวนผู้ประกอบการ SMEs รายใหม่ที่เข้าถึงสินเชื่อ เป็นไปตามยุทธศาสตร์ปี 2560 ของ บสย.
ยอดการอนุมัติค้ำประกันสินเชื่อมีการอนุมัติวงเงินรวมทั้งสิ้น 86,633 ล้านบาท บรรลุเป้าหมายตามแผนงาน และมากกว่าแผนงานที่กำหนดไว้เดิม คือ 86,000 ล้านบาท และมีผู้ประกอบการรายใหม่เข้าถึงสินเชื่อ จำนวน 90,931 ราย เติบโตจากปี 2559 กว่า 100%
นายนิธิศ กล่าวว่า ผลดำเนินงาน บสย. ในปีที่ผ่านมา ช่วยเพิ่มโอกาสการเข้าถึงสินเชื่อได้อย่างดีเยี่ยม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มผู้ประกอบการ SMEs รายย่อย ผ่านโครงการค้ำประกันสินเชื่อ Micro Entrepreneurs ระยะที่ 2 มีจำนวนผู้ได้รับสินเชื่อ และการค้ำประกันสินเชื่อ จำนวน 79,520 ราย ขณะที่โครงการค้ำประกันสินเชื่อ SMEs ทวีทุน (PGS6) และ PGS6 ปรับปรุงใหม่ มีผู้ได้รับสินเชื่อรวม 7,480 ราย เป็นต้น ซึ่งเป็นผลจากมาตรการการช่วยเหลือ และสนับสนุนจากภาครัฐ และสถาบันการเงินที่เข้าร่วมโครงการ
นายนิธิศ มนุญพร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) กล่าวถึงผลดำเนินงานด้านการค้ำประกันสินเชื่อในปี 2560 ว่า ประสบความสำเร็จทั้งในด้านยอดการค้ำประกันสินเชื่อ และจำนวนผู้ประกอบการ SMEs รายใหม่ที่เข้าถึงสินเชื่อ เป็นไปตามยุทธศาสตร์ปี 2560 ของ บสย.
ยอดการอนุมัติค้ำประกันสินเชื่อมีการอนุมัติวงเงินรวมทั้งสิ้น 86,633 ล้านบาท บรรลุเป้าหมายตามแผนงาน และมากกว่าแผนงานที่กำหนดไว้เดิม คือ 86,000 ล้านบาท และมีผู้ประกอบการรายใหม่เข้าถึงสินเชื่อ จำนวน 90,931 ราย เติบโตจากปี 2559 กว่า 100%
นายนิธิศ กล่าวว่า ผลดำเนินงาน บสย. ในปีที่ผ่านมา ช่วยเพิ่มโอกาสการเข้าถึงสินเชื่อได้อย่างดีเยี่ยม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มผู้ประกอบการ SMEs รายย่อย ผ่านโครงการค้ำประกันสินเชื่อ Micro Entrepreneurs ระยะที่ 2 มีจำนวนผู้ได้รับสินเชื่อ และการค้ำประกันสินเชื่อ จำนวน 79,520 ราย ขณะที่โครงการค้ำประกันสินเชื่อ SMEs ทวีทุน (PGS6) และ PGS6 ปรับปรุงใหม่ มีผู้ได้รับสินเชื่อรวม 7,480 ราย เป็นต้น ซึ่งเป็นผลจากมาตรการการช่วยเหลือ และสนับสนุนจากภาครัฐ และสถาบันการเงินที่เข้าร่วมโครงการ