ช่วง 1 - 2 เดือนที่ผ่านมา หุ้นบริษัท เอ็มพีจี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น MPG ขึ้นลงอย่างวูบวาบ
โดยมีข่าวลือในซอกมุมเล็กๆ จะมีรายการเทกโอเวอร์หรือครอบงำกิจการ แต่ข่าวค่อยๆเงียบหายไป พร้อมกับราคาหุ้นที่ถูกทุบรูดลง
MPG เดิมคือ บริษัท แมงป่อง จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น PONG เข้าตลาดหลักทรัพย์เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2547 หลังจากนำหุ้นเสนอขายนักลงทุนทั่วไปในราคา 7 บาท
“แมงป่อง” เข้ามาจดทะเบียนอย่างทุลักทุเล จนคิดว่า จะไม่ได้เข้าเสียแล้ว แต่สามารถแต่งตัวจนสำเร็จ เข้ามาระดมทุนในตลาดหุ้นได้ โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัดเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
แต่เข้ามาแล้วทำท่าจะไม่รอด ผลประกอบการไม่ดี ราคาหุ้นปรับตัวลงต่อเนื่อง นักลงทุนที่แวะเวียนเข้าไปเล่น มักจะเจ็บตัวกลับออกมา หรือไม่ก็ “ติดหุ้น” ไว้ยาวนาน
ผู้ถือหุ้นรายย่อย MPG มีจำนวนทั้งสิ้น 2,135 ราย ถือหุ้นรวมกันสัดส่วน 34.99% ของทุนจดทะเบียน โดยผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับหนึ่งคือ นางกิตติ์ยาใจ ตีเอกวิจิตร ถือหุ้นในสัดส่วน 29.86% ของทุนจดทะเบียน นายทวีฉัตร จุฬางกูร ถือหุ้นใหญ่อันดับสอง สัดส่วน 11.52% ของทุนจดทะเบียน
ผลประกอบการ MPG ย่ำแย่ตั้งแต่เข้าตลาดหุ้น และ 3 ปีล่าสุด ยังขาดทุนต่อเนื่อง ยอดขาดทุนสะสมพุ่งขึ้นเป็น 1,295.98 ล้านบาท
หุ้น MPG ไม่สามารถนำปัจจัยพื้นฐานมาคำนวณความเหมาะสมของราคาไม่ได้ เพราะมีแต่ตัวเลขขาดทุน ไม่มีเงินปันผล ไม่มีค่าพี/อี เรโช นักลงทุนทั่วไปจึงไม่สนใจหุ้นตัวนี้มากนัก
การซื้อขายหุ้น MPG เป็นไปอย่างหงอยๆ ราคาหุ้นรอบ 12 เดือนที่ผ่านมาเคยทรุดลงไปเหลือ 38 สตางค์/หุ้น และปกติ ซื้อขายวันละไม่กี่แสนบาทหรือไม่กี่หมื่นบาท จนกระทั่งช่วงปลายเดือนสิงหาคม พ.ศ.2560 ราคาหุ้นเริ่มคึกคักขึ้น พร้อมกับข่าวลือที่ซุบซิบกันในวงจำกัด
ลือกันว่าจะมีการปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่ โดยนักลงทุนรายใหญ่กลุ่มใหม่ จะเข้ามาเทกโอเวอร์ และได้มีการเจรจาจนตกลงกันในระดับหนึ่งแล้ว
ราคาหุ้นเคลื่อนไหวสอดรับกับข่าวดี หุ้น MPG ที่สลบเหมือดมาพักใหญ่ เริ่มมีแรงซื้อจุดพลุเข้ามา ผลักดันให้ราคาหุ้นพุ่งฉิว โดยวันที่ 23 สิงหาคม ราคาหุ้นขยับขึ้นชนเพดานสูงสุด 30% ปิดที่ 71 สตางค์/หุ้น เพิ่มขึ้น 16 สตางค์/หุ้น ท่ามกลางวอลุ่มซื้อขายที่ก้าวกระโดดเป็นกว่า 20 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าที่ซื้อขายกันเพียง 3.4 แสนบาท
หลังจากนั้นหุ้น MPG ก็กลับสู่ทำเนียบหุ้นร้อน โดยเฉพาะในช่วงต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา ราคาถูกลากขึ้นต่อเนื่อง วอลุ่มหนาตา นักลงทุนรายย่อยแห่เข้าแลกหมัดวัดดวง จนราคาหุ้นขึ้นไปสูงสุดระหว่างวันที่ 1.17 บาท/หุ้น เมื่อวันที่2 ตุลาคม พ.ศ.2560
นับจากมีข่าวลือในวงจำกัดเกี่ยวกับการเทกโอเวอร์ ช่วงเวลาเพียงเดือนเศษ ราคาหุ้น MPGถูกลากขึ้นไปกว่า 100%
ก่อนจะถูกกระหน่ำขาย จนราคายืนไม่ติด รูดลงต่อเนื่อง ล่าสุดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ.2560 ปิดที่ 51 สตางค์/หุ้น ลดลงมากว่า 50% เมื่อเทียบกับจุดสูงสุดในรอบนี้
รายย่อยที่ตามแห่เข้าไปเก็งกำไร เจอพิษหุ้น”แมงป่อง”ต่อย จนไข้ขึ้นตามๆกัน
ส่วนข่าวลือการเทกโอเวอร์ ปิดฉากลงเรียบร้อย โดยมีข่าวว่า นักลงทุนรายใหญ่เกิดการเปลี่ยนใจทำรายการเทกโอเวอร์กะทันหัน เพราะฟาดกำไรจากส่วนต่างราคาหุ้นไปจนพอใจแล้ว
ถ้าไม่มีข่าวลือการเทกโอเวอร์ หุ้น MPG คงอยู่อย่างสงบ เพราะไม่มีเสน่ห์จูงใจนักลงทุน ฐานะการดำเนินงานน่าเป็นห่วง เพราะขาดทุนหลายปีติดต่อ และมองไม่เห็นอนาคตที่สดใส
แต่ข่าวลือเล็กๆเรื่องการเทกโอเวอร์ ช่วยให้นักลงทุนขาใหญ่บางรายได้เงินก้อนโต ส่วนแมลงเม่าที่ตามแห่ข่าวลือเข้าไป กลายเป็นเหยื่อตามเคย
ไม่ต้องถามหาว่า แนวโน้มหุ้น MPG จะเป็นอย่างไร เพราะเมื่อหมดข่าวเล่น หุ้นตัวนี้คงกลับบ้านเก่า