“เอเชียน มารีน เซอร์วิสส์” มั่นใจเผยแนวโน้มผลงานไตรมาส 4/60 โตต่อเนื่องจากไตรมาส 3 ที่ผ่านมา จากธุรกิจซ่อมเรือที่ยังเติบโตได้ดีตามการฟื้นตัวของภาคส่งออก ทำให้ปริมาณการซ่อมเรือเพื่อการขนส่งทางการค้าเพิ่มขึ้น และการรับรู้รายได้จากงานโครงการต่อเรือที่จะส่งมอบทั้งหมดในปีนี้ ล่าสุด ได้นำเทคโนโลยีการทำความสะอาดตัวเรือ ด้วยระบบฉีดน้ำแรงดันสูง (Ultra High Pressure Blasting) โดยจะนำมาใช้งานในเดือน พ.ย. นี้ ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนค่าแรง และส่งมอบงานได้เร็วขึ้น เผยผลประกอบการงวด 9 เดือนแรกปีนี้ มีกำไรสุทธิ 53.28 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 76.26% เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน มีรายได้รวม 504.27 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 133.32 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นราว 35.94% ส่วนงวดไตรมาส 3/2560 มีกำไรสุทธิ 19.92 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.01% มีรายได้รวม 152.89 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.81% จากงวดเดียวกันของปีก่อน
นายสุรเดช ตัณฑ์ไพบูลย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเชียน มารีน เซอร์วิสส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ASIMAR กล่าวถึงแนวโน้มผลประกอบการในช่วงไตรมาส 4/60 คาดว่ายังมีทิศทางที่ดีต่อเนื่องจากผลประกอบการไตรมาส 3/2560 ที่ผ่านมา จากธุรกิจซ่อมเรือที่ยังเติบโตได้ดีตามการฟื้นตัวของภาคส่งออก ทำให้ปริมาณการซ่อมเรือเพื่อการขนส่งทางการค้าเพิ่มขึ้น และการรับรู้รายได้จากงานโครงการต่อเรือที่จะส่งมอบทั้งหมดในปีนี้ โดยในช่วงปลายปี บริษัทเตรียมเข้าประมูลงานต่อเรือ คิดเป็นมูลค่าโครงการ 150-170 ล้านบาท แม้ว่าการแข่งขันจะสูงขึ้น แต่บริษัทมีความพร้อมทั้งประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญในการต่อเรือหลากหลายประเภท จากผลงานที่ผ่านมา บริษัทฯ มั่นใจว่าจะช่วยสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน
ด้านอู่ต่อเรือที่ จ.สุราษฎร์ธานี ได้มีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนสิงหาคม 2560 ที่ผ่านมา โดยมีการรับรู้รายได้งานซ่อมเรือเข้ามาบ้างแล้ว ซึ่งอยู่ในช่วงสร้างฐานลูกค้าทั้งเรือซ่อม และงานโครงการต่าง ๆ โดยคาดว่าจะสร้างรายได้โตขึ้นอย่างต่อเนื่องในปี 2561
ในส่วนของการวิจัยและพัฒนาสินค้า ซึ่งเกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลักเพื่อต่อยอดในการสร้างรายได้นั้น ขณะนี้มีความคืบหน้าไปมาก โดยมีการนำเทคโนโลยีการทำความสะอาดตัวเรือ ด้วยระบบฉีดน้ำแรงดันสูง (Ultra High Pressure Blasting) จากเดิมใช้ทรายพ่น มาเริ่มใช้งานในเดือน พ.ย. นี้ ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนค่าแรง และส่งมอบงานเรือได้เร็วขึ้น และยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
นอกจากนี้ ในปี 2560 บริษัทได้มองหาโอกาสทางธุรกิจจากงานด้านวิศวกรรมโครงสร้างเหล็กต่าง ๆ เช่นโครงการก่อสร้างรั้วมอเตอร์เวย์, รถไฟฟ้า, หรืองานโครงการอื่น ๆ เพื่อเป็นการขยายฐานรายได้จากธุรกิจหลัก ขณะเดียวกัน จะได้ใช้ประโยชน์จากบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญงานโครงสร้างเหล็กได้อย่างเต็มที่ ที่ผ่านมา ASIMAR เคยมีผลงานจากงานโครงสร้างเหล็กที่สนามบินสุวรรณภูมิเฟสแรก และมีแผนที่จะเข้าร่วมประมูลงานจากผู้รับเหมาช่วง เพื่อทำงานโครงสร้างเหล็กที่สนามบินสุวรรณภูมิในเฟสที่ 2 ที่รัฐบาลกำลังจะดำเนินการในเร็ววันนี้ด้วย
สำหรับผลประกอบการของบริษัทฯ และบริษัทย่อยในงวดไตรมาส 3/2560 มีกำไรสุทธิ 19.92 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.04 ล้านบาท หรือ 18.01% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 16.88 ล้านบาท โดยมีรายได้รวม 152.89 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.87 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 15.81% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 132.02 ล้านบาท ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานใน Q3/60 ที่ผ่านมา รายได้จากการรับจ้างเพิ่มขึ้น 21.85 ล้านบาท หรือคิดเป็น 17.12% โดยรายได้จากงานซ่อมเรือ 103 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.60 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน คิดเป็น 46.31% รายได้ซ่อมเรือเพิ่มขึ้นจากการที่บริษัทได้รับงานซ่อมเรือที่มีมูลค่าซ่อมสูงหลายลำ ประกอบกับลูกค้าเริ่มกลับมาซ่อมทำตามสภาพเศรษฐกิจการส่งออกไทยที่ขยายตัว และภาคอุตสาหกรรมที่ปรับตัวดีขึ้น ส่วนการแข่งขันที่สูงขึ้นระหว่างอู่เรือ ทั้งด้านคุณภาพ ระยะเวลาในการซ่อมทำ รวมทั้งเงื่อนไขการชำระเงินยังคงมีอยู่
ส่วนรายได้จากงานต่อเรืออยู่ที่ 44.10 ล้านบาท มาจากงานโครงการต่อเรือที่รับรู้รายได้จากอัตราส่วนของงานที่ทำเสร็จ 3 โครงการ คือ โครงการเรือลากจูงกำลังฉุดไม่น้อยกว่า 50 เมตริกตัน ของการท่าเรือแห่งประเทศไทย ซึ่งมีการรับรู้รายได้สะสม 77.31% โครงการต่อเรือกำจัดผักตบชวา จำนวน 2 ลำ มีการรับรู้รายได้สะสม 36.59% เป็นของหน่วยงานราชการที่รับงานผ่านมาจากบริษัท อีโค มารีน จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย โดยทั้งสองโครงการได้ส่งมอบงานในเดือนตุลาคม 2560 ที่ผ่านมา และโครงการต่อเรือลำเลียง ขนาด 2,500 เดทเวทตัน จำนวน 6 ลำ ของบริษัท วีรวรรณ จำกัด โดยในไตรมาส 2/2560 ได้ส่งมอบเรือลำที่ 5-6 เรียบร้อยแล้ว โดยมีรายได้ส่วนงานต่อเรือเพิ่มขึ้น 12.21%
ขณะที่ผลประกอบการงวด 9 เดือนแรกปีนี้ ของบริษัทฯ และบริษัทย่อย มีกำไรสุทธิ 53.28 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.05 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 76.26% เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 30.23 ล้านบาท บริษัทฯ มีรายได้รวม 504.27 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 133.32 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นราว 35.94% เทียบกับระยะเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 370.95 ล้านบาท ผลประกอบการที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากการรับรู้รายได้จากงาน Backlog ที่ค้างส่งมอบ มารับรู้รายได้ทั้งหมดในปีนี้