เอเชียน มารีน เซอร์วิสส์ เผยแนวโน้มผลงานไตรมาส 4 เติบโตดีกว่าไตรมาส 3 เตรียมบันทึกรายได้มูลค่างานคงค้างในมือกว่า 400 ล้านบาท ล่าสุด เริ่มเปิดอู่ต่อเรือ เฟส 1 ที่สุราษฎร์ธานี รับงานแล้ว ผู้บริหารยอมรับผลงานปีนี้อาจเติบโตไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ มั่นใจ 1-2 ปีจากนี้ ASIMAR เทิร์นอะราวนด์อย่างค่อยเป็นค่อยไป ปัจจัยหลักมาจากอู่ต่อเรือแห่งใหม่เริ่มเปิดดำเนินการช่วยหนุนรายได้เพิ่ม
นางวรวรรณ งานทวี กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเชียน มารีน เซอร์วิสส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ASIMAR กล่าวถึงแนวโน้มผลประกอบการช่วงไตรมาส 4 ปี 59 คาดว่าจะมีทิศทางที่ดี เนื่องจากมีการรับรู้รายได้จากมูลค่างานคงค้างในมือ (Backlog) ที่มีมากกว่า 400 ล้านบาท ซึ่งทยอยรับรู้มาตั้งแต่ไตรมาส 3 ที่ผ่านมา ซึ่งมีทั้งงานของภาครัฐ และเอกชน โดยก่อนหน้านี้บริษัทได้เข้าประมูลงานของการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) มูลค่าไม่เกิน 1,000 ล้านบาท รวมถึงงานวิศวกรรมอื่นๆ และเริ่มมีการรับรู้รายได้จากอู่ต่อเรือที่ จ.สุราษฎร์ธานี หลังจากที่ Q3 ได้ปรับปรุงอู่ซ่อมเรือ โดยขณะนี้เฟส 1 สามารถใช้งานได้แล้ว
“ยอมรับว่าผลงานปีนี้ของ ASIMAR อาจจะเติบโตไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ แต่หวังว่าระยะ 1-2 ปีจากนี้ ASIMAR จะกลับมาเทิร์นอะราวนด์อย่างค่อยเป็นค่อยไป ปัจจัยหลักๆ มาจากอู่ต่อเรือแห่งใหม่ใน จ.สุราษฎร์ธานี ที่เริ่มเปิดดำเนินการในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ล่าสุด คืบหน้าแล้วกว่า 90% โดยจะเปิดอย่างเป็นทางการ ม.ค. ปี 2560 ตามกำหนดการที่วางไว้ จะช่วยสนับสนุนการรับงานต่อเรือ ซ่อมเรือ ได้เพิ่มมากขึ้นในพื้นที่ทางภาคใต้ ซึ่งอุตสาหกรรมต่อเรือปีนี้เริ่มฟื้นตัวแต่ไม่หวือหวา มองว่าจะฟื้นตัวจริงๆ ในอีก 2 ปีข้างหน้า” นางวรวรรณ กล่าว
ทั้งนี้ โครงสร้างรายได้ของ ASIMAR ในปี 2559 นี้ ประกอบด้วย รายได้ซ่อมเรือ 55% ปัจจุบันมีส่วนแบ่งการตลาดไม่ต่ำกว่า 30% รายได้จากการต่อเรือ 43% ล่าสุด มีส่วนแบ่งการตลาดเฉลี่ย 20-30% และรายได้งานโครงสร้างเหล็ก ปัจจุบันอยู่ระหว่างประมูลงานโครงสร้างเหล็ก มูลค่า 300-400 ล้านบาท สำหรับจุดเด่นสำคัญของ ASIMAR คือ สามารถต่อเรือได้ยาวถึง 160 เมตร และมีขีดความสามารถในการรับเรือเฉลี่ย 80-100 ลำต่อปี นอกจากนั้น ยังมีความเชี่ยวชาญในการกิจการขนส่งทางเรือมากกว่า 50 ปี
สำหรับผลประกอบการบริษัทฯ และบริษัทย่อยงวดไตรมาส 3 ปีนี้มีกำไรสุทธิ 16.88 ล้านบาท ลดลง 29.57 ล้านบาท หรือลดลง 63.66% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 46.45 ล้านบาท โดยมีรายได้รวม 132.02 ล้านบาท ลดลง 85.24 ล้านบาท หรือลดลง 39.23% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 217.26 ล้านบาท
โดยรายได้จากการรับจ้างลดลง 87.42 ล้านบาท หรือ 40.65% เนื่องจากรายได้จากงานซ่อมเรือลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน 25.82% อีกทั้งรายได้กลุ่มลูกค้าเรือ Offshore ที่ลดลง และลูกค้าควบคุมงบประมาณการซ่อมเรือจากผลกระทบทางเศรษฐกิจ และมีการแข่งขันสูงขึ้นระหว่างอู่เรือ โดยรายได้จากงานต่อเรือลดลง 63.91% ขณะที่ Q3 ปี 58 มีการรับรู้รายได้สะสม 100% จากการส่งมอบงานโครงการ 2 ลำ คือ เรือวางทุ่น ของการท่าเรือแห่งประเทศไทย และเรือลากจูง ของ Port Authority of Sihanoukville ส่วน Q3 ปีนี้มีงานโครงการต่อเรือที่รับรู้รายได้จากอัตราส่วนของงานที่ทำสำเร็จทั้ง 4 โครงการ ซึ่งเป็นการรับรู้รายได้สะสม