เอเชียน มารีน เซอร์วิสส์เผยแนวโน้มผลงานครึ่งปีหลังเติบโตโดดเด่นจากช่วงครึ่งปีแรก เนื่องจากบริษัทฯ บันทึกรายได้มูลค่างานคงค้างในมือที่มีมากกว่า 380 ล้านบาท จากงานภาครัฐ และเอกชน และเตรียมเข้าประมูลงานใหม่เพิ่มอีก ล่าสุด เดือนสิงหาฯ เริ่มเปิดอู่ต่อเรือที่ จ.สุราษฎร์ธานี อย่างไม่เป็นทางการ ตั้งเป้ารับงานซ่อมเรือไซส์เล็ก 30 ลำ “วรวรรณ งานทวี” เอ็มดีหญิงคนเก่ง มั่นใจผลประกอบการปีนี้เติบโตแข็งแกร่ง
นางวรวรรณ งานทวี กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเชียน มารีน เซอร์วิสส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงทิศทางผลประกอบการในช่วงครึ่งหลังปี 2559 ว่า จะเติบโตอย่างโดดเด่นจากช่วงครึ่งปีแรก เนื่องจากบริษัทฯบันทึกรายได้มูลค่างานคงค้างในมือที่มีมากกว่า 380 ล้านบาท จากงานภาครัฐ และเอกชน โดยจะเติบโตโดดเด่นมากในช่วงครึ่งปีหลัง จากรายได้งานต่อเรือที่จะเริ่มทยอยเข้ามา ซึ่งปกติเรือ 1 ลำ ใช้ระยะเวลาในการต่อประมาณ 15-18 เดือน โดยรับรู้รายได้ตามความสำเร็จของงาน และคาดว่าจะเริ่มทยอยรับรู้รายได้งานใหม่ๆ ที่ได้เซ็นสัญญาไปก่อนหน้านี้ในช่วงครึ่งปีหลัง
ปัจจุบัน บริษัทฯ มีงานที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) ซึ่งเป็นงานอู่ต่อเรือของภาคเอกชน อยู่ราว 380 ล้านบาท คาดว่าจะรับรู้รายได้ในปีนี้ร้อยละ 20-25 ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ในช่วงไตรมาส 3-4 ของปีนี้ นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้เตรียมเข้าประมูลงานของการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) มูลค่าไม่เกิน 1,000 ล้านบาท และงานรับเหมาช่วง (Sub Contract) งานโครงสร้างเหล็กจากโครงการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ
ทั้งนี้ จากรายได้ที่จะทยอยรับรู้เข้ามา และงานที่บริษัทฯ จะเข้าประมูล คาดว่าจะสนับสนุนให้ผลประกอบการทั้งปี 2559 เติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง เมื่อเทียบกับปี 2558 ที่ผ่านมา
สำหรับแผนงานจากนี้จนถึงสิ้นปี 59 บริษัทฯ ตั้งเป้ารับงานซ่อมเรือ 30 ลำ โดยจะรับงานต่อเรือขนาดเล็กก่อน แต่ปีหน้าจะปรับเปลี่ยนรับงานต่อเรือขนาดใหญ่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งปัจจุบัน บริษัทฯ สามารถรับงานได้เต็มที่ เนื่องจากในช่วงเดือนสิงหาคม 2559 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ขยายสาขาเปิดอู่ต่อเรือที่ จ.สุราษฎร์ธานี และเริ่มเปิดตัวอย่างไม่เป็นทางการไปแล้ว จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนมกราคม 2560 โดยอู่ต่อเรือตั้งอยู่ที่ ต.ท่าทองใหม่ อ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี ใช้งบลงทุนรวมประมาณ 150 ล้านบาท โดยตั้งเป้าหมายที่จะเป็นอู่ซ่อมเรือต่อเรือที่ได้มาตรฐานแห่งแรกของภาคใต้ ซึ่งมีโอกาสทางธุรกิจ และเรามีจุดแข็งสามารถทำงานได้มาตรฐาน ทั้งระบบงาน เรื่องคุณภาพ และเรื่องของเวลาส่งมอบงานให้ลูกค้า ทำให้ลูกค้ามั่นใจที่จะมาใช้บริการของบริษัทฯ อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มฐานรายได้ที่มั่นคง ขยายตลาดเพื่อรองรับงานในภูมิภาค และยังสามารถพัฒนาไปยังตลาดต่างประเทศในอนาคตได้อีกด้วย
“ASIMAR จะกลับมามีผลประกอบการทั้งรายได้ และกำไรดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลัง เราหวังว่า ในระยะ 1-2 ปี ASIMAR จะกลับมาเทิร์นอะราวนด์อย่างค่อยเป็นค่อยไป ปัจจัยหลักๆ มาจากอู่ต่อเรือแห่งใหม่ใน จ.สุราษฎร์ธานี ที่เริ่มเปิดดำเนินการในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา สนับสนุนการรับงานต่อเรือ ซ่อมเรือ ได้เพิ่มมากขึ้นในพื้นที่ทางภาคใต้ ซึ่งอุตสาหกรรมต่อเรือปีนี้เริ่มฟื้นตัว แต่ไม่หวือหวา มองว่าจะฟื้นตัวจริงๆ ในอีก 2 ปีข้างหน้า” นางวรวรรณ กล่าว
สำหรับผลประกอบการของบริษัทฯ และบริษัทย่อยในงวดไตรมาส 2/2559 มีกำไรสุทธิลดลง 16.15 ล้านบาท หรือลดลง 71.09 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 22.72 ล้านบาท โดยมีรายได้รวม 126.44 ล้านบาท ลดลง 60.02 ล้านบาท หรือลดลง 32.19% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 186.46 ล้านบาท ส่วนผลประกอบการงวด 6 เดือนแรกปีนี้ของบริษัทฯ และบริษัทย่อย มีกำไรสุทธิลดลงราว 43 ล้านบาท หรือลดลง 77.02% เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 55.58 ล้านบาท มีรายได้รวม 238.93 ล้านบาท ลดลง 217.39 ล้านบาท หรือลดลงราว 48% เทียบกับระยะเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 456.32 ล้านบาท ผลประกอบการที่ลดลง เนื่องจากในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ไม่มีงานต่อเรือเข้ามา ทำให้รายได้เติบโตไม่หวือหวา แต่มีออเดอร์จากการท่าเรือแห่งประเทศไทย ซึ่งจะทยอยรับรู้ได้เข้ามาในช่วงไตรมาส 3-4 ของปีนี้