ผู้จัดการ ตลท. ชี้หุ้นไทยทะลุ 1,700 ไม่ใช่ภาวะร้อนแรงเกินไป เหตุปัจจัยพื้นฐานแกร่ง ขณะเดียวกัน หวังเพิ่มมูลค่าการซื้อขายถึง 1 แสนล้านบาทต่อวัน ฟุ้งมาร์เกตแคปหุ้นบริษัทจดทะเบียนใหม่ หรือ IPO ปีนี้จะสูงทะลุเป้าหมาย 350,000 ล้านบาท จากปัจจุบันอยู่ที่ 250,000 ล้านบาทอย่างแน่นอน พร้อมปรับระบบการขึ้นเครื่องหมายแจ้งเตือนนักลงทุนในหุ้นที่มีความเสี่ยง
นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ ตลท. เปิดเผยว่า ประเมินภาพรวมเศรษฐกิจและการลงทุนในตลาดหุ้นไทย มองว่าดัชนี SET Index ในปีนี้จะทะลุ 1,700 จุด ซึ่งถือว่าไม่ได้เป็นภาวะที่ร้อนแรงเกินไป เพราะหากเทียบกับดัชนีที่เคยทำจุดสูงสุดที่ระดับ 1,753 จุด เมื่อวันที่ 4 ม.ค. 2537 หรือจะครบ 24 ปี ในเดือนมกราคม ปี 2561
นอกจากนี้ ตลาดหลักทรัพย์ไทยมีการเปลี่ยนแปลงของมูลค่าตามราคาตลาด หรือมาร์เกตแคป เพิ่มขึ้นจาก 3.3 ล้านล้านบาท เป็น 17 ล้านล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นถึง 5 เท่า ขณะที่จำนวนบริษัทจดทะเบียนเพิ่มขึ้นจาก 300 กว่าบริษัทเป็น 700 กว่าบริษัท ส่งผลให้ปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้นเป็นหลายเท่าตัว และฐานผู้ลงทุนเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 1 ล้านราย สะท้อนคุณภาพตลาดหลักทรัพย์มีความแข็งแรงมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ขอให้นักลงทุนพิจารณาปัจจัยพื้นฐาน ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนก่อนการลงทุน เพราะปัจจุบัน ราคาหลักทรัพย์หลายตัวสร้างสถิติสูงสุดไปแล้ว ส่วนปัจจัยที่คาดว่าจะกดดันตลาดหุ้นไทยในช่วงที่เหลือของปี มาจากปัจจัยต่างประเทศเป็นหลัก อาทิ แนวโน้มการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ การลดขนาดการอัดฉีดสภาพคล่อง หรือ QE ของประเทศในยุโรป และปัญหาการเมืองระหว่างประเทศ
“ในช่วงที่เหลือของปีนี้ คาดว่าจะมีบริษัทเข้าระดมทุนในตลาดหุ้นอีก 15 บริษัท จากที่เข้าระดมทุนแล้ว จำนวน 24 บริษัท รวมเป็น 39 บริษัท ทำให้มูลค่าการระดมทุนของบริษัทจดทะเบียนใหม่ทั้งปีนี้จะสูงทะลุเป้าหมาย ที่ประมาณ 320,000-350,000 ล้านบาท จากปัจจุบันอยู่ที่ 250,000 ล้านบาท ขณะเดียวกัน ตลาดหลักทรัพย์ฯ ตั้งเป้าเพิ่มขนาดมาร์เกตแคปปีละ 5.5 แสนล้านบาท เพื่อดันมูลค่าการซื้อขายให้ถึง 1 แสนล้านบาทต่อวัน จากปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 4.6-4.7 หมื่นล้านบาทต่อวัน”
อย่างไรก็ดี ในส่วนของอุตสาหกรรมหลักทรัพย์ ซึ่ง ตลท. ได้จัดทำโครงการ IPO Focus โดยร่วมกับบริษัทที่ปรึกษาทางการเงิน ผู้สอบบัญชี ที่ปรึกษาทางกฏหมาย เดินสายและเป็นพี่เลี้ยงให้ความรู้ความเจ้าใจกับบริษัทเอกชนที่สนใจจะเจ้ามาระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่าจะต้องดำเนินการอย่างไรบ้าง เพื่อลดปัญหาของบริษัทเอกชนที่สนใจจะเข้ามาเป็นบริษัทจดทะเบียนใหม่ พร้อมทั้งอธิบายถึงบทบาทและหน้าที่ของบริษัทจดทะเบียนว่า นอกเหนือจากการเข้ามาระดมทุนแล้ว จะต้องมีหลักธรรมาภิบาล มีความโปร่งใส และมีการเปิดเผยข้อมูลสู่สาธารณชน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเหมือนเช่นบริษัทจดทะเบียนที่มีอยู่ในขณะนี้
ด้านนายสันติ กีระนันท์ รองผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯ เปิดเผยว่า มีบริษัทจดทะเบียนประมาณ 10 รายเข้าข่ายเสี่ยงถูกเพิกถอนจากการเป็นบริษัทจดทะเบียน เนื่องจากมีส่วนทุนติดลบและติดเครื่องหมาย SP หรือเครื่องหมายห้ามการซื้อขายมานาน ขณะเดียวกัน ตลาดหลักทรัพย์ฯ กำลังมีการปรับปรุงเครื่องหมายแจ้งเตือนนักลงทุน เพื่อให้นักลงทุนใช้ความระมัดระวังหากจะลงทุนในหลักทรัพย์ที่ถูกขึ้นเครื่องหมายดังกล่าว