ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แถลงเตรียมจัด SET in the City 2017 16-19 พ.ย. นี้ ภายใต้แนวคิด “จุดประกายความคิดการลงทุน พลิกอนาคตคุณสู่ความสำเร็จ” จะมุ่งตอบสนองนักลงทุนยุคดิจิทัล และคาดว่าจะเป็นช่วงที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุน
นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวภายหลังแถลงข่าวการจัดงาน SET in the City 2017 โดยระบุว่า ภาพรวมตลาดหลักทรัพย์ในช่วงไตรมาสที่ 4 ปีนี้ ตั้งแต่เดือน ก.ย. ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ตลาดหุ้นกลับมามีความคึกคัก หลังจากที่ช่วง 8 เดือนแรก (ม.ค.-ส.ค.) ที่ผ่านมา ค่อนข้างนิ่ง โดยมีปัจจัยจากการที่การส่งออกปรับตัวดีขึ้น อัตราการขยายตัวทางเศรฐษกิจ (จีดีพี) ปรับตัวดีขึ้นร้อยละ 3.8 รวมถึงจำนวนนักท่องเที่ยวที่กลับเข้ามาท่องเที่ยวดีขึ้น ประกอบกับผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์ที่ถือว่าดีมาก ๆ ดีกว่าอัตราการเติบโตจีพีดีประเทศ ส่งผลให้นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศสนใจกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหลักทรัพย์เพิ่มขึ้น
ส่วนภาวะตลาดหุ้นไทยขณะนี้ที่ดัชนีราคาหุ้น หรือ SET Index อยู่ที่ระดับ 1,700 จุด ไม่ได้อยู่ในภาวะที่ร้อนแรงเมื่อเทียบกับปัจจัยตลาดหุ้นไทยที่เติบโตมาอย่างต่อเนื่อง โดยหากเทียบกับปี 2537 ตลาดหุ้นไทยที่ SET Index ที่อยู่ระดับ 1,700 จุดเช่นกัน แต่วันนี้พื้นฐานของตลาดทุนไทยเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง โดยขนาดตลาดใหญ่กว่าเดิม 5 เท่า การซื้อขายเพิ่มขึ้นประมาณ 7 เท่าตัว บริษัทจดทะเบียนเพิ่มขึ้น 1 เท่าตัว ส่วนทิศทางตลาดหุ้นไทยจากการที่นักวิเคราะห์สำนักต่าง ๆ คาดการณ์ไว้นั้นระบุว่า ปีหน้าตลาดหุ้นไทยจะยังเติบโต และน่าจะดีกว่าปีนี้ ส่วนจะดีอย่างไรให้พิจารณาจากบทวิเคราะห์ของนักวิเคราะห์จะเหมาะสมกว่า
สำหรับการจัดงาน SET in the City 2017 ที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ร่วมกับพันธมิตร 100 องค์กร จัดขึ้นระหว่างวันที่ 16-19 พ.ย. นี้ ที่รอยัล พารากอน ฮอลล์ ชั้น 5 สยามพารากอน ภายใต้แนวคิด “จุดประกายความคิดการลงทุน พลิกอนาคตคุณสู่ความสำเร็จ” จะมุ่งตอบสนองนักลงทุนยุคดิจิทัล และคาดว่าจะเป็นช่วงที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนเข้ามาซื้อกองทุนต่าง ๆ เพราะจากการสอบถามพบว่า ก่อนหน้านี้ยังไม่ได้ซื้อ การจัดงานช่วงปลายปีนี้จึงเหมาะสำหรับการเลือกซื้อกองทุนต่าง ๆ ดังนั้น จึงคาดว่าในการจัดงาน SET in the City 2017 และทำให้เป็นช่วงที่ทำให้เกิดการคึกคักของการลงทุนในตลาดหุ้นพอสมควร
นางเกศรา กล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ มุ่งหวังให้การจัดงานครั้งนี้มีผลิตภัณฑ์และบริการต่าง ๆ เป็นประโยชน์แก่ผู้ใช้บริการทุกระดับ ซึ่งปีนี้ มีสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไป คือ คนไทยมากถึง 38 ล้านคน หรือคิดเป็นร้อยละ 56 ของประชากรทั้งประเทศ สามารถเข้าถึงบริการอินเทอร์เน็ต และมีการใช้โซเชียลมีเดียถึงวันละเกือบ 4 ชั่วโมง ส่งผลให้ข้อมูลต่าง ๆ แปลงลงมาสู่สมาร์ทโฟน และมีการออนไลน์ ช่วยให้ผู้บริโภคเข้าถึงได้สะดวกมากขึ้น ทั้งการสั่งซื้อขายหุ้น และการเข้าถึงบริการทางการเงิน ผ่านแอปพลิเคชันใหม่ ๆ และจนถึงสิ้นเดือน ก.ย. ปีนี้ มีจำนวนบัญชีซื้อขายหุ้น รวม 2,133,913 บัญชี ในจำนวนนี้ 1,863,220 บัญชี หรือประมาณร้อยละ 87 เปิดบัญชีซื้อขายหุ้นผ่านระบบออนไลน์ ซึ่งเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง บวกกับในระยะหลัง ยังมีการนำเทคโนโลยีมาพัฒนาเป็นนวัตกรรมบริการรูปแบบใหม่ๆ หรือที่เรียกว่า Fintech เพื่อใช้ในการหาข้อมูลตัดสินใจลงทุนด้วย
ดังนั้น ในการจัดงาน SET in the City ครั้งที่ 13 จึงมีการเปิดตัวนวัตกรรม โปรแกรม และแอปพลิเคชันใหม่เพื่อการลงทุน เพื่อตอบรับกระแสยุคดิจิทัล ด้วยทั้งแอปพลิเคชันจากสถาบันการเงิน ตลอดจนเทคโนโลยีคัดกรองหุ้นและกองทุนรวม เพื่อผลผลตอบแทนเป้าหมาย ผ่านเครื่องมือยุคใหม่ เช่น Robo Advisor การนำระบบสมองกล หรือ AI (Artificial Intelligent) มาประยุกต์ใช้ในการลงทุน สำหรับสินค้าอนุพันธ์ TFEX Gold-D การเทรดทอง 99.99% เป็นดอลลาร์ LIVE Platform เพื่อการระดมทุนของ Startup รวมทั้งการนำเสนอศักยภาพ ให้ข้อมูลแผนธุรกิจที่สร้างโอกาสเติบโตด้วย Innovation แก่ผู้ลงทุนโดยตรงจากผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนไทย ผู้เริ่มต้นลงทุนรับคำปรึกษาเบื้องต้นจากผู้เชี่ยวชาญ นักวางแผนการเงิน (CFP) มืออาชีพ พร้อมเครื่องมือและช่องทางการหาข้อมูลสำหรับมือใหม่ เช่น SET Social Media ห้องเรียนออนไลน์ สัมผัสโลกการลงทุนผ่านเกมจำลอง และการแข่งขัน Trading Simulation เสมือนจริง นอกจากนี้ ยังมีสัมมนาและเวิร์กช็อปที่เข้มข้นด้วยเนื้อหาเจาะลึกจากผู้เชี่ยวชาญกว่า 50 ช่วงตลอด 4 วัน