บล. กสิกรฯ ปรับเป้า SET Index ปีนี้เป็น 1,640-1,700 จุด มองปีหน้ามีโอกาสทะลุไฮเดิมที่ 1,789.16 จุดเมื่อปี 37 พร้อมคาดกำไร บจ. ครึ่งปีหลังกระฉูด
นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. กสิกรไทย เปิดเผยว่า บริษัทปรับเพิ่มเป้าหมายดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทย (SET Index) ในปีนี้ขึ้นเป็น 1,640-1,700 จุด และมี EPS ที่ 105 บาทต่อหุ้น จากเป้าเดิมที่ 1,570-1,650 จุด
ขณะที่ดัชนีในช่วงสิ้นปี 61 คาดว่าจะอยู่ที่ 1,760 จุด บน P/E ที่ 14.5 เท่า และ EPS ที่ 127 บาทต่อหุ้น และมีโอกาสตลาดหุ้นไทยจะปรับตัวขึ้นเกินกว่าจุดสูงสุดเดิมที่ 1,789.16 จุดเมื่อปี 37 จากการเติบโตอย่างต่อเนื่องของกำไรบริษัทจดทะเบียนจากปี 60 ที่คาดจะทำได้ 9.9 แสนล้านบาท
นายประกิต กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยในขณะนี้ได้รับอานิสงส์กระแสเงินทุนจากต่างประเทศที่ไหลเข้ามาตามสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยในช่วงครึ่งปีแรกเศรษฐกิจไทย (GDP) ขยายตัวได้ 3.5% ซึ่งปัจจัยหลักมาจากการลงทุนภาคเอกชน ขณะที่สถานการณ์ทางการเมืองเริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้น ทำให้มีโอกาสในการจัดเลือกตั้งในปีหน้าค่อนข้างสูง ส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติกลับมาสนใจหุ้นไทยอีกครั้ง
ทั้งนี้ บล. กสิกรไทย ประเมินว่า GDP ทั้งปี 60 น่าจะเติบโตได้ไม่ต่ำกว่า 3.5% โดยในช่วงครึ่งปีหลังจะมีการใช้จ่ายภาครัฐเข้ามาสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจ จากช่วงครึ่งปีแรกที่แทบจะไม่มีการเบิกจ่ายภาครัฐเข้ามาสนับสนุนเลย ทำให้คาดการณ์ว่า กำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียนจะทำได้ตามเป้า หรือมากกว่าเป้าหมาย หลังจากช่วงครึ่งปีแรกทำได้แล้ว 5.15 แสนล้านบาท คิดเป็นมากกว่า 50% ของประมาณการทั้งปี
สำหรับปัจจัยเสี่ยงทางด้านความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลี เชื่อว่าจะไม่นำไปสู่ความรุนแรง หรือถึงขั้นเกิดสงคราม เนื่องจากหากเกิดสงครามขึ้น จะทำให้ประเทศมหาอำนาจที่อยู่ใกล้เคียงเกาหลีเหนือ ทั้งจีน และรัสเซีย ได้รับผลกระทบไปด้วย ทำให้สหรัฐฯ น่าจะหลีกเลี่ยงการทำสงคราม
ส่วนการปรับลดงบดุลของสหรัฐฯ ยังเป็นปัจจัยที่น่าเป็นห่วง เนื่องจากตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นมาในขณะนี้จากเงินทุนไหลเข้าเป็นหลัก ซึ่งการปรับลดงบดุลจะค่อย ๆ ส่งผลกระทบต่อกระแสเงินทุนเคลื่อนย้ายในตลาดโลก ขณะที่คาดว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 1 ครั้งในปีนี้ และในปี 61 อีก 3 ครั้ง
นายประกิต แนะนำกลยุทธ์การลงทุนช่วงที่เหลือในปีนี้เป็นการซื้อตามดัชนีในกลุ่มหุ้นขนาดกลาง และเล็ก ที่ยังมีราคาต่ำ และมีแนวโน้มผลประกอบการครึ่งปีหลังออกมาดี โดยแนะนำหุ้น MTLS, KCE, CPALL, HMPRO, PSH, SPALI, AMATA, WHAและ TICON ซึ่งจะได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และการลงทุนในประเทศ
ส่วนปี 61 แนะนำหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากการลงทุนของภาครัฐเป็นหลัก ได้แก่ STEC, UNIQ, SYNTEC, MCS เป็นต้น