PRM พร้อมเข้าเทรดวันแรก 14 ก.ย. รองรับการขยายกองเรือ-เส้นทางเดินเรือทั้งในและต่างประเทศ
นายชาญวิทย์ อนัคกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. พริมา มารีน (PRM) เปิดเผยว่า บริษัทฯ จะนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเป็นวันแรกในวันที่ 14 ก.ย. นี้ โดยใช้ชื่อย่อ PRM ในการซื้อขาย หลังจากที่เสนอขายหุ้นสามัญให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 650 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 1 บาทต่อหุ้น ในราคาจองซื้อหุ้นละ 8 บาท ระหว่างวันที่ 6-8 กันยายนที่ผ่านมา โดยมั่นใจว่า หุ้น PRM จะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน
ทั้งนี้ หลังจากที่เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย บริษัทฯ มีแผนเพิ่มขีดความสามารถการให้บริการขนส่งและจัดเก็บน้ำมันดิบ ผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูป ผลิตภัณฑ์น้ำมันกึ่งสำเร็จรูปและปิโตรเคมีเหลวทางเรือ การสนับสนุนสำรวจและผลิตปิโตรเลียมกลางทะเลและบริหารจัดการกองเรือ โดยมีแผนขยายกองเรือที่สำคัญในระหว่างปี 2560-2562 ดังนี้ 1. ธุรกิจเรือขนส่งฯ โดยบริษัทฯ จะลงทุนเรือขนส่งขนาดบรรทุก 3,000-10,000 DWT ประมาณ 9 ลำ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 2,340 ล้านบาท คาดรองรับปริมาณขนส่งสินค้าจากการลงทุนในครั้งนี้เพิ่มขึ้น 3,800 ล้านลิตรต่อปี และลงทุนเรือขนส่งขนาดใหญ่ ประมาณ 11 ลำ ประกอบด้วยเรือขนาดประมาณ 14,000 DWT เรือ MR, เรือ LR2, เรือ Aframax, และเรือ VLCC เพื่อการเติบโตของธุรกิจขนส่ง รวมทั้งสนับสนุนการดำเนินธุรกิจเรือขนส่งและจัดเก็บ FSU มูลค่าโครงการรวมประมาณ 6,890 ล้านบาท คาดจะช่วยเพิ่มปริมาณขนส่งอีก 16,700 ล้านลิตรต่อปี
2. ลงทุนขยายธุรกิจเรือขนส่ง และจัดเก็บ FSU เพื่อเพิ่มศักยภาพการกักเก็บน้ำมันอีก 4 ลำ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 4,200 ล้านบาท รับการเติบโตของอุตสาหกรรมขนส่งและจัดเก็บน้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูปในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และ 3. พิจารณาการลงทุนเรือขนส่งและจัดเก็บน้ำมันดิบสำหรับแท่งขุดเจาะน้ำมัน (เรือ FSO) ประมาณ 2 ลำ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 1,090 ล้านบาท รับการเติบโตของธุรกิจการปฏิบัติงานการสำรวจและขุดเจาะน้ำมันดิบกลางทะเลทั้งในน่านน้ำไทย และประเทศใกล้เคียงในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
“ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2560 เรามีกองเรือที่ให้บริการรวมทั้งสิ้น 24 ลำ และมีแผนขยายกองเรืออย่างต่อเนื่องในช่วง 3 ปีข้างหน้า ทำให้พริมา มารีน มีศักยภาพการดำเนินธุรกิจขนส่งผลิตภัณฑ์น้ำมัน และปิโตรเคมีเหลว ทั้งในเชิงคุณภาพ และปริมาณ รวมถึงขยายเส้นทางการเดินเรือใหม่ ๆ ทั้งในและต่างประเทศ เช่น เส้นทางไทย-เมียนมา, ไทย-จีน, ไทย-ญี่ปุ่น เป็นต้น ตลอดจนขยายฐานลูกค้าใหม่โดยเฉพาะประเทศใกล้เคียงในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่มีโอกาสเติบโตสูง” นายชาญวิทย์ กล่าว
นายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ กรรมการผู้จัดการ บล. กสิกรไทย ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า PRM เป็นบริษัทเอกชนรายใหญ่ที่สุดของไทยที่ให้บริการขนส่งและจัดเก็บน้ำมันดิบ, น้ำมันสำเร็จรูป, น้ำมันกึ่งสำเร็จรูป และปิโตรเคมีเหลวทางเรืออย่างครบวงจร รวมถึงให้บริการเรือขนส่งที่สนับสนุนงานสำรวจและผลิตปิโตรเลียมกลางทะเล และการบริหารจัดการกองเรือของอุตสาหกรรมน้ำมันและปิโตรเคมี โดยมีประสบการณ์ในการดำเนินธุรกิจมานานกว่า 30 ปี ทำให้สามารถบริหารจัดการกองเรือให้เหมาะสมกับปริมาณความต้องการใช้น้ำมันในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ที่เพิ่มสูงขึ้น รวมถึงมีแผนงานขยายการขนส่งปิโตรเคมีเหลวเพิ่มขึ้นอีกด้วย โดยหลังจากที่พริมา มารีน ระดมทุนครั้งนี้ คาดว่าจะทำให้หนี้สินต่อทุน (D/E) ลดลง จากเดิมอยู่ที่ประมาณ 2 เท่า
ด้านนางสาววีณา เลิศนิมิตร ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ สาย Primary Distribution ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และตัวแทนบริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น IPO กล่าวว่า PRM ถือเป็นบริษัทที่มีศักยภาพการเติบโตที่ดี ซึ่งได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการแผนลงทุนขยายกองเรือ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันในการดำเนินธุรกิจ รวมถึงปริมาณความต้องการบริโภคน้ำมันในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเฉลี่ยปีละ 3% โดยปีที่ผ่านมา มีปริมาณการใช้น้ำมันรวม 1,557 ล้านตัน ซึ่งสูงที่สุดในโลกส่งผลให้มีความต้องการใช้เรือขนส่งและจัดเก็บน้ำมันดิบ เพื่อขนส่งไปยังจุดหมายปลายทางเพิ่มขึ้น จึงเป็นผลบวกต่อการผลักดันการเติบโตของพริมา มารีน ในอนาคต หลังจากช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (ระหว่างปี 2557-2559) มีอัตราเติบโตของรายได้เฉลี่ยปีละประมาณ 11%
บมจ. พริมา มารีน หรือ PRM เป็นผู้ให้บริการขนส่งและจัดเก็บน้ำมันดิบ น้ำมันสำเร็จรูป น้ำมันกึ่งสำเร็จรูป และปิโตรเคมีเหลวทางเรืออย่างครบวงจร ซึ่งเป็นรายใหญ่ที่สุดของประเทศไทย รวมถึงให้บริการเรือขนส่งที่สนับสนุนงานสำรวจและผลิตปิโตรเลียมกลางทะเล และการบริหารจัดการกองเรือของอุตสาหกรรมน้ำมันและปิโตรเคมี เพื่อให้บริการแก่ลูกค้าทั้งในและต่างประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก