ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ ระบุบอร์ดไฟเขียวอนุมัติ จัดตั้งบริษัทย่อย “ดับบลิวเอชเอยูพี อินเตอร์เนชั่นแนล” ลงทุนในกิจการอื่น (Holding Company) ในต่างประเทศ ผู้บริหารเผยเดินหน้าขยายธุรกิจสาธารณูปโภค-ไฟฟ้าในกลุ่มประเทศ CLMV หวังต่อยอดรายได้ในอนาคต
นายวิเศษ จูงวัฒนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ WHAUP ผู้ดำเนินธุรกิจให้บริการสาธารณูปโภคแบบครบวงจรแก่ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมในนิคมอุตสาหกรรม และเขตประกอบการอุตสาหกรรมของเหมราช ได้แก่ จำหน่ายน้ำดิบ, ผลิตและจำหน่ายน้ำเพื่ออุตสาหกรรมและบริหารจัดการน้ำเสีย, และธุรกิจพลังงาน โดยลงทุนในธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติให้จัดตั้งบริษัท ดับบลิวเอชเอยูพี อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด หรือ WHAUP International Co., Ltd. ด้วยทุนจดทะเบียน จำนวน 45 ล้านบาท เพื่อดำเนินการประกอบธุรกิจลงทุนในกิจการอื่น (Holding Company)
สำหรับการลงทุนในต่างประเทศ โดยได้ดำเนินการจัดตั้งบริษัทดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 4 กันยายน 2560 ปัจจุบัน บริษัทฯ มีการศึกษาการลงทุนธุรกิจน้ำประปาในประเทศเมียนมา ขนาดกำลังผลิต 2.5-5 พันลูกบาศก์เมตรต่อวัน คาดจะได้ข้อสรุปภายในสิ้นปีนี้ ส่วนการลงทุนธุรกิจจำหน่ายน้ำดิบในนิคมอุตสาหกรรมของบริษัทแม่ WHA Group ในต่างประเทศนั้น อยู่ระหว่างดำเนินการน่าจะมีความชัดเจนในเร็ว ๆ นี้
“บริษัทใหม่ที่มีการจัดตั้งในครั้งนี้เพื่อเป็นการลงทุนในต่างประเทศที่ WHAUP สนใจเข้าลงทุน โดยเฉพาะธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภค เพื่อเป็นการต่อยอดการขยายการเติบโตออกไปยังต่างประเทศมากขึ้น ตามนโยบายของบริษัทฯ ที่สนใจลงทุนในกลุ่มประเทศ CLMV ในอนาคต” นายวิเศษ กล่าว
นายวิเศษ กล่าวเพิ่มว่า ล่าสุด บริษัทฯ ได้เริ่มดำเนินการดำเนินการผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ในโครงการโรงไฟฟ้ากัลฟ์ ทีเอส 2 แล้วเมื่อวันที่ 1 กันยายนที่ผ่านมา โดยโครงการดังกล่าวเป็นโรงไฟฟ้าผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก (Small Power Producer-SPP) ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง ซึ่งเป็นการร่วมทุนระหว่างบริษัท ดับบลิวเอชเอ เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บริษัทฯ ถือหุ้นร้อยละ 99.99 และบริษัท กัลฟ์ เอ็มพี จำกัด ในสัดส่วนร้อยละ 25.01 และร้อยละ 74.99 ตามลำดับ
สำหรับโรงไฟฟ้ากัลฟ์ ทีเอส 2 มีกำลังผลิตไฟฟ้าตามสัญญาทั้งหมด 130 เมกะวัตต์ และกำลังการผลิตไอน้ำตามสัญญา 36 ตันต่อชั่วโมง ตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด (ระยอง) (ESIE) อำเภอปลวกแดง จังหวัดระยอง
ทั้งนี้ โรงไฟฟ้า กัลฟ์ ทีเอส 2 เป็นโรงไฟฟ้าแห่งที่ 3 ใน Portfolio การร่วมทุนระหว่างกลุ่มบริษัท ดับบลิวเอชเอ และบริษัท กัลฟ์ เอ็มพี จำกัด ที่ได้เริ่มดำเนินการผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ในปี 2560 ต่อจากโรงไฟฟ้า กัลฟ์ วีทีพี และโรงไฟฟ้ากัลฟ์ทีเอส 1 ซึ่งได้เริ่มดำเนินการผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ไปแล้วเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2560 และ 8 กรกฎาคม 2560 ที่ผ่านมา
ปัจจุบัน WHAUP มีกำลังการผลิตตามสัดส่วนการลงทุน ในโรงไฟฟ้าที่เริ่มดำเนินการผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์แล้วจำนวน 447.1 เมกะวัตต์ รวมโรงไฟฟ้า 3 แห่ง และอยู่ในระหว่างการก่อสร้างและพัฒนาอีกจำนวน 94.9 เมกะวัตต์ ซึ่งจะทยอยดำเนินการผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ทั้งหมดในปี 2560-2562
“ดังนั้น WHAUP มั่นใจว่า ในปี 2560 ผลการดำเนินงานทั้งรายได้และส่วนแบ่งกำไรตามส่วนของบริษัทฯ จะเติบโตกว่า 100% เมื่อเทียบกับปี 2559 ที่มีรายได้และส่วนแบ่งกำไรตามส่วนของบริษัทฯ จำนวน 1,756.2 ล้านบาท โดยคาดว่า ยอดขายและบริการน้ำในปีนี้จะทะลุ 100 ล้านลูกบาศก์เมตร ขณะที่ปี 2559 อยู่ที่ 82 ล้านลูกบาศก์เมตร ทั้งนี้ เป็นผลมาจากการเปิดดำเนินการของโครงการโรงไฟฟ้า 1 โครงการเมื่อปลายปีที่แล้ว และอีกจำนวน 4 โครงการในปีนี้ รวมถึงการใช้น้ำของลูกค้าใหม่ และการใช้น้ำเพิ่มเติมของลูกค้าเดิมในนิคมอุตสาหกรรม” นายวิเศษ กล่าวสรุป