ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป แย้มผลงานครึ่งหลังปี 60 แรงทะลุมิติ ดันรายได้ทั้งปีโตเกิน 20% ทำสถิติสูงสุดใหม่ ด้านผู้บริหาร “เชิดศักดิ์ กู้เกียรตินันท์” เปิดแผนปี 61 เตรียมผงาด ผู้นำอันดับ 3 ใน 3 ตลาด “เนื้อไก่-สุกร-ส่งออกไก่แช่แข็ง และผลิตอาหารสัตว์” ของประเทศไทย หลังทุ่มงบประมาณขยายโรงงาน-เพิ่มกำลังการผลิต-ลุยตลาดสินค้าไฮมาร์จิน ดันผลงาน New High ต่อเนื่อง
นายเชิดศักดิ์ กู้เกียรตินันท์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บริษัท ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TFG เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งหลังของปี 2560 บริษัทฯ ประเมินว่า แนวโน้มธุรกิจน่าจะเป็นบวก รายได้น่าจะเติบโตต่อเนื่องจากครึ่งแรกของปี ซึ่งมีรายได้ 12,052 ล้านบาท โดยทั้งปีคาดว่าจะเติบโตทั้งปีได้ไม่ต่ำกว่า 20% จากปีที่แล้ว ซึ่งมีรายได้ 20,626 ล้านบาท ตามแผนธุรกิจเชิงรุกที่วางไว้
ส่วนแผนงานในปี 2561 ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป กำหนดตำแหน่งในตลาด (Market Positioning) เป็น 3X3 เป็นอันดับที่สามของประเทศในทั้ง 3 ตลาดของผู้ผลิตอาหารประเภท เนื้อไก่และสุกร ส่งออกไก่แช่แข็ง และตลาดผลิตอาหารสัตว์
ทั้งนี้ บริษัทฯ วางแผนธุรกิจ โดยใช้ 3-Dimension Growth Strategy ขยายตลาดสินค้าเดิม และตลาดสินค้าใหม่ โดยมีเป้าหมายรายได้รวมเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% จากธุรกิจเดิม และธุรกิจใหม่ไก่แปรรูป (Further) เพื่อส่งออก แกนที่ 1 : ธุรกิจไก่ จะขยายการชำแหละจาก 550,000 ตัวต่อวัน เป็น 600,000 ต่อวันในกลางปี 2561 มีเป้าหมายการส่งออกไก่แช่แข็ง เพิ่ม 25% จาก 32,000 ตันต่อปีในปี 2560 เป็น 40,000 ตันต่อปีในปีหน้า และโรงงานที่กำลังก่อสร้างจะเพิ่มการผลิตไก่แปรรูป ปรุงสุก 10,000 ตัน (40%) จากกำลังการผลิต 25,200 ตันต่อปีในปีหน้า หลังเปิดไลน์ผลิตในไตรมาส 2 เนื่องจากเริ่มการผลิตได้ไม่เต็มปี
แกนที่ 2 : ธุรกิจสุกร จะขยายตัวจากปัจจุบัน 70,000 ตัวต่อเดือน (รวมธุรกิจในเวียดนาม) เป็น 80,000 ตัวต่อเดือน โดยจะเพิ่มสัดส่วนสุกรชำแหละจากโรงงานชำแหละที่ขอนแก่น และชลบุรี เป็น 40% และขยายการขายเข้าสู่ฟู้ดส์เซอร์วิส และอุตสาหกรรม เช่นเดียวกับไก่ และไส้กรอก ในปีนี้
แกนที่ 3 : ขยายธุรกิจผลิตอาหารสัตว์จาก 150,000 ตันต่อเดือนในสิ้นปีนี้เป็น 200,000 ตันต่อเดือนในไตรมาส 3 ปีหน้า โดยการสร้างโรงงานอาหารสัตว์ใหม่ ขนาด 50,000 ตันต่อเดือน ที่กาฬสินธุ์-ขอนแก่น
“บริษัทฯ ใช้กลยุทธ์การขาย (Market Strategy) ขายไก่แช่แข็งและแปรรูป ปรุงสุก ที่มุ่งเข้าสู่ตลาดส่งออก ซึ่งมีราคาและกำไรขั้นต้นสูงกว่าตลาดในประเทศ และบริษัทฯ ได้ขยายตลาดเข้าสู่ ตลาดอุตสาหกรรมผลิตเพื่อส่งออก ตลาดโมเดิร์นเทรด และตลาดฟู้ดเซอร์วิส อย่างต่อเนื่อง สามารถทำให้มีกำไรขั้นต้นสูงขึ้น”
ทั้งนี้ ในปี 2561 บริษัทฯ จะขยายตลาดสินค้าไก่แช่แข็ง ส่งออกมากกว่า 25% และขยายตลาดฟู้ดเซอร์วิสปีหน้า มากกว่า 50% จากเป้าหมายเดิม 1,000 ล้านในปีนี้ ทำให้สามารถขายสินค้าในราคาสูงขึ้น และมีเสถียรภาพด้านราคาและคำสั่งซื้อมากขึ้นกว่าการขายหน้าโรงงาน และตลาดในประเทศ
ด้านกลยุทธ์การเงิน (Financial Strategy) บริษัทฯ ใช้กลยุทธ์เชิงอนุรักษ์นิยมต่อเนื่อง โดยรักษาสัดส่วนหนี้สิต่อทุนไม่ให้เกิน 2 เท่าจาก 1.48 เท่า เมื่อสิ้นสุดไตรมาส 2 โดยรักษาสมดุลระหว่างการสร้างกำไร (Net Profit Generation) กับการลงทุน(Investment) กับการสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้น (Return On Equity) และให้ผลตอบแทนผู้ถือหุ้นในรูปแบบต่าง ๆ โดยมีกลยุทธ์สร้างเสริมให้เป็นบริษัทที่มีพื้นฐาน ธุรกิจที่แข็งแรง (Fundamental Company) จากความสามารถแข่งขันโดยมีต้นทุนต่ำ (Low Cost Producer) และต้นทุนการเงินต่ำ (Low Cost of Fund) ไปพร้อมกัน
โดยปรับโมเดลธุรกิจและการลงทุนให้เป็น Asset Light Model มากขึ้น และปรับโครงสร้างทางการเงินที่เหมาะสมทั้งระยะสั้น และระยะยาว ให้มีต้นทุนทางการเงินที่ต่ำลงต่อเนื่อง เช่น การออกหุ้นกู้ ระยะ 3 ปี
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังต้องระมัดระวังในการบริหารความเสี่ยงรอบด้าน ทั้งราคาตลาดของไก่ และสุกร ที่อ่อนไหว ต้นทุนวัตถุดิบนำเข้าและในประเทศ อัตราแลกเปลี่ยน ตลอดจนความเสี่ยงเรื่องคุณภาพการผลิต และการป้องกันแพร่กระจายของโรค