แบงก์ชาติ ร่วมกับผู้ให้บริการเครือข่ายบัตรเปิดบริการคิวอาร์โค้ดเพื่อการชำระเงิน คาดจะเริ่มใช้ได้ทั่วไปภายในไตรมาส 4/60 หวังผลักดันระบบการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ต่อเนื่อง
วันนี้ (30 ส.ค.) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ร่วมกับผู้ให้บริการเครือข่ายบัตรต่าง ๆ ได้แก่ American Express, JCB International (Thailand), Mastercard, UnionPay International และ VISA พร้อมทั้งผู้ให้บริการทางการเงินในไทย ประกอบด้วย สมาคมธนาคารไทย, สภาสถาบันการเงินของรัฐ, สมาคมธนาคารนานาชาติ, สมาคมการค้าผู้ให้บริการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ไทย, สมาคมโทรคมนาคมแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์, บริษัท National ITMX จำกัด และบริษัท Thai Payment Network จำกัด แถลงความร่วมมือการใช้มาตรฐานคิวอาร์โค้ดเพื่อการชำระเงิน ซึ่งในงานได้มีการจัดบูทสาธิตการให้บริการชำระเงินด้วย QR Code และการสัมมนา เรื่อง “QR Code มิติใหม่ของการชำระเงิน คาดว่าจะสามารถเริ่มใช้ได้ทั่วไปภายในไตรมาส 4 ปี 2560
นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการ ธปท. กล่าวว่า ธปท. ได้ผลักดันการพัฒนาระบบการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์มาอย่างต่อเนื่อง อาทิ การผลักดันโครงการ National e-payment การปรับเปลี่ยนบัตร ATM และบัตรเดบิตให้เป็น Chip Card การยกระดับความปลอดภัยการชำระเงินผ่านโทรศัพท์มือถือ การนำหลักการของ Regulatory Sandbox มาใช้เพื่อสนับสนุนนวัตกรรมทางการเงิน และการนำ พ.ร.บ. ระบบการชำระเงินมาใช้ในการกำกับดูแลธุรกิจด้านการชำระเงิน และในวันนี้เป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์สำคัญในการนำมาตรฐานสากล QR Code มาใช้ในการชำระเงินในประเทศไทย ซึ่งเป็นความร่วมมือครั้งแรกของผู้ให้บริการเครือข่ายบัตรระดับโลกทั้ง 5 แห่ง กับผู้ให้บริการทางการเงินในไทย ที่ตกลงใช้มาตรฐานเดียวกันในการให้บริการ ลดความซ้ำซ้อนในการมี QR Code หลากหลายรูปแบบ ช่วยเสริมต่อแนวทางการพัฒนาระบบการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-Payment ในมิติต่าง ๆ
สำหรับการใช้มาตรฐาน QR Code เพื่อการชำระเงิน มีหลักการและประโยชน์สำคัญใน 4 ด้าน คือ (1) เป็นมาตรฐานกลางที่สอดคล้องกับมาตรฐานสากล เปิดโอกาสให้ผู้ให้บริการและผู้ใช้บริการสามารถเข้าถึง และใช้งานร่วมกันได้ ทั้งรายการชำระเงินในประเทศ และต่างประเทศ ร้านค้ามี QR Code เดียวก็สามารถรับชำระเงินผ่านช่องทางที่หลากหลายจากลูกค้าได้ (2) เป็นการเพิ่มช่องทางการชำระเงินที่สะดวกและมีต้นทุนต่ำให้แก่ประชาชน และร้านค้า ช่วยให้การจัดทำบัญชีและกระทบยอดเงินเข้า ง่ายกว่าการทำธุรกรรมด้วยเงินสดมาก (3) เป็นการเพิ่มความปลอดภัยในการชำระเงิน เจ้าของบัตรไม่ต้องให้บัตรหรือข้อมูลบนบัตรแก่ร้านค้า และระบบงานที่รองรับเป็นระบบโครงสร้างพื้นฐานการชำระเงินที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน จึงมีความปลอดภัย
และ (4) สามารถต่อยอดนวัตกรรมทางการเงินที่หลากหลายได้โดยง่าย เป็นรากฐานสำคัญของร้านค้าขนาดกลาง และขนาดเล็ก ที่จะเก็บข้อมูลการรับชำระเงินอย่างเป็นระบบ เพื่อให้นำไปใช้ประโยชน์ในหลายด้านรวมถึงการขอสินเชื่อ ซึ่งสถาบันการเงินในหลายประเทศได้เริ่มให้สินเชื่อโดยใช้ข้อมูลชำระเงินเป็นข้อมูลอ้างอิง (information based lending) แทนการใช้สินทรัพย์ถาวรเป็นหลักประกันแล้ว ช่วยให้ก้าวข้ามผ่านอุปสรรคของการปล่อยสินเชื่อ SME จากเดิมที่ต้องใช้หลักประกันเพียงอย่างเดียว
ด้านผู้ให้บริการเครือข่ายบัตรระดับโลกทั้ง 5 แห่งมีความยินดีในการร่วมผลักดัน และส่งเสริมการใช้มาตรฐาน QR Code เพื่อการชำระเงินในประเทศไทย เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ที่ดี เป็นประโยชน์กับทั้งร้านค้า และประชาชน สำหรับผู้ให้บริการชำระเงินในประเทศไทย ได้เห็นพ้องในการนำมาตรฐานกลางนี้มาใช้ในการให้บริการชำระเงิน ซึ่งจะช่วยให้เข้าถึงและเพิ่มทางเลือกในการชำระเงิน เป็นการยกระดับการให้บริการแก่ลูกค้าให้การใช้จ่ายในชีวิตประจำวันมีความทันสมัย สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย
สำหรับการพัฒนาบริการชำระเงินด้วย QR Code นี้ ธปท. ได้เปิดให้ธนาคาร และผู้ให้บริการ เสนอโครงการเข้าพิจารณาใน Regulatory Sandbox เพื่อทดสอบให้มั่นใจในความถูกต้องของการทำรายการ และการดูแลผู้ใช้บริการ ซึ่งมีธนาคาร 2 แห่งอยู่ระหว่างการทดสอบ และมีอีก 6 แห่งที่อยู่ระหว่างยื่นคำขอเข้าโครงการ โดยการให้บริการจริงจะทยอยเปิดตามความพร้อมต่อไป