บอร์ด “เชาว์ สตีล อินดัสทรี้” ไฟเขียว ลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์ในญี่ปุ่นเพิ่ม อนุมัติบริษัทย่อย ซื้อหุ้นโครงการโรงไฟฟ้า Iwaki ขนาด 26.68 MW เพิ่มเติมจากสัดส่วน 40% เป็น 100% หลังพบเป็นโครงการที่มีศักยภาพ ทั้งสอดคล้องนโยบายขยายฐานธุรกิจพลังงานในญี่ปุ่น พร้อมผลิตได้ในปี 60 หนุนมีกำลังผลิตไฟฟ้าในมือแตะ 70 MW
นายอนาวิล จิรธรรมศิริ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เชาว์ สตีล อินดัสทรี้ จำกัด (มหาชน) หรือ CHOW ผู้ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เหล็กแท่งยาว (Steel Billet) รายใหญ่ของประเทศ และธุรกิจพลังงานโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ผ่านบริษัท เชาว์ เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) (CE) บริษัทย่อย กล่าวว่า ในการประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ครั้งที่ 4/2560 เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2560 ที่ประชุมได้มีมติอนุมัติให้บริษัทย่อยลงทุนในธุรกิจพลังงานเพิ่ม โดยเข้าลงทุนถือหุ้นเพิ่มเติมในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ Iwaki ในประเทศญี่ปุ่น จากร้อยละ 40 เป็นร้อยละ 100 หลังจากพบว่าเป็นรายการที่เป็นประโยชน์กับบริษัทฯ และผู้ถือหุ้นอย่างแท้จริง
สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ Iwaki ในประเทศญี่ปุ่น มีขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 26.68 เมกะวัตต์ (DC) มูลค่ารวมประมาณ 3,525 ล้านบาท (หรือเทียบเท่า 11,017 ล้านเยน อ้างอิงอัตราแลกเปลี่ยน 0.31996 บาทต่อเยน) ภายใต้สัญญาซื้อขายไฟฟ้าในรูปแบบ Feed in Tariff ระยะเวลา 20 ปี อัตรารับซื้อไฟฟ้า 40 เยนต่อหน่วยกับ Ministry of Economy, Trade and Industry (METI) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ออกใบอนุญาตรับซื้อไฟฟ้าของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการก่อสร้างโครงการ ซึ่งการเข้าถือหุ้นในโครงการดังกล่าวร้อยละ 100 จะส่งผลให้ CHOW มีกำลังการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศญี่ปุ่นทะลุ 70 เมกะวัตต์ ทันที จากปัจจุบันที่ CHOW มีโครงการที่ขายไฟในเชิงพาณิชย์แล้วกว่า 43 เมกะวัตต์
“โครงการ Iwaki ถือเป็นโครงการที่จะสร้างผลตอบแทนในอัตราที่ดี เนื่องจากมีสัญญาขายไฟในอัตรา 40 เยนต่อหน่วย เป็นระยะเวลา 20 ปี สามารถสร้างรายได้ตลอดอายุสัญญาถึง 25,950 ล้านเยน หรือกว่า 8,000 ล้านบาท โดยมีรายได้เฉลี่ยปีละ 400 ล้านบาท อีกทั้งการเข้าลงทุนในโครงการดังกล่าวยังสอดคล้องกับนโยบายของ CHOW ที่มีเป้าหมายขยายธุรกิจพลังงานในประเทศญี่ปุ่นอย่างต่อเนื่อง จากที่ประเทศญี่ปุ่นยังคงมีความต้องการใช้ไฟฟ้าอีกมาก และรัฐบาลให้การสนับสนุนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน
ประกอบกับบริษัทฯ มีความเชี่ยวชาญในตลาดญี่ปุ่นเป็นอย่างดี มีความพร้อมทั้งด้านบุคลากร และเทคโนโลยี ทำให้บริษัทฯ เล็งเห็นโอกาสในการเจริญเติบโตในอนาคต อีกทั้งยังสอดคล้องกับกลยุทธ์กระจายความเสี่ยงไปยังธุรกิจอื่นของบริษัทฯ เนื่องจากธุรกิจผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์สามารถสร้างรายได้อย่างมั่นคงในระยะยาว ประกอบกับบริษัทฯ มีเป้าหมายจะเพิ่มยอดขายไฟในเชิงพาณิชย์ (COD) ในปี 2560 ให้มีกำลังผลิตรวมไม่น้อยกว่า 100 เมกะวัตต์ ซึ่งจะสะท้อนรายได้จากธุรกิจพลังงานให้เติบโตก้าวกระโดดอย่างมีนัยสำคัญตามเป้าหมายที่วางไว้” นายอนาวิล กล่าว