บิ๊กเคทีบี เผยภาพรวมเศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลังมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นจากการประเมินของสภาพัฒน์ ที่คาดว่า GDP ไตรมาสที่ 2 เติบโตอยู่ที่ระดับ 3.7% แนะระวังพิษน้ำท่วมอาจฉุดเศรษฐกิจชะลอตัวลงอีกรอบ พร้อมปรับเป้า SET Index ลงเคลื่อนไหวในกรอบ 1,540-1,600 จุด บนพื้นฐาน P/E 15.4-16 เท่า จากเป้าดัชนีเดิมที่ตั้งไว้ที่ 1,640 จุด
นายวิน อุดมรัชตวนิชย์ ปรธานกรรมการบริหาร บล. เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ทิศทางเศรษฐกิจไทย และเศรษฐกิจโลก ตลอดจนถึงการลงทุนในครึ่งปีหลังมีแนวโน้มที่น่าจะเติบโตสูงกว่าในปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว ทั้งสหรัฐฯ, ยุโรป, ญี่ปุ่น รวมทั้งเศรษฐกิจไทย ซึ่งจากรายงานล่าสุดสภาพัฒน์ ที่เปิดเผยว่า GDP ไทยไตรมาสที่ 2 เติบโตอยู่ที่ระดับ 3.7% และครึ่งปีแรกเติบโตที่ 3.5%
อย่างไรก็ตาม KTBST ประเมินว่า ในช่วงครึ่งปีหลังอาจชะลอตัวลงมาบ้าง เนื่องจากเหตุการณ์น้ำท่วมที่ส่งผลกระทบให้การบริโภคชะลอตัวลง ดังนั้น ทั้งปีคาดว่า GDP ไทยน่าจะเติบโตอยู่ที่ระดับ 3.4% ระดับเงินเฟ้อที่ยังต่ำ แต่ได้ปัจจัยบวกจากเรื่องการส่งออก และภาคการท่องเที่ยว ขณะที่เงินบาทในช่วงครึ่งปีหลัง น่าจะอยู่ที่ระดับ 33.2 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ส่วนราคาน้ำมันน่าจะเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 45-50 ดอลลาร์สหรัฐฯ เนื่องจากปริมาณ Supply ยังมีอยู่มากในตลาด
ดังนั้น ด้วยมุมมองดังกล่าว การลงทุนช่วงที่เหลือของปี 2560 KTBST จึงให้น้ำหนักการลงทุนที่กลุ่มประเทศพัฒนาแล้วทั้ง สหรัฐฯ, ยุโรป, ญี่ปุ่น เพราะมีแนวโน้มการเติบโตชัดเจน และเริ่มที่จะมีการปรับลดวงเงิน QE ลง รวมไปถึงประเทศจีนที่มีการเติบโตของ GDP ในครึ่งปีแรก และนโยบายการกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ กับจีน ที่เริ่มมีความเป็นไปได้ยากขึ้น
“KTSBT ให้น้ำหนักการลงทุนในช่วงที่เหลือของปี 2560 ไปที่ตลาดต่างประเทศมากกว่าในประเทศ โดยให้น้ำหนักการลงทุนมาก (Overweight) ไปที่ตลาดหุ้นยุโรป ญี่ปุ่น, สหรัฐฯ, จีน และประเทศเกิดใหม่ ส่วนสินทรัพย์อื่น ๆ ที่น่าสนใจ ได้แก่ อสังหาริมทรัพย์ในไทย เนื่องจากให้ผลตอบแทนที่สูง”
สำหรับตลาดหุ้นไทย เนื่องด้วยเหตุการณ์น้ำท่วมที่กระทบต่อการบริโภคในช่วงครึ่งปีหลังนี้อาจทำให้เศรษฐกิจมีการชะลอตัวลงมาบ้าง แต่ด้วยปัจจัยหนุนจากการส่งออก และการท่องเที่ยว และมีปัจจัยการเมืองที่ต้องจับตามอง ดังนั้น SET Index ในปีนี้น่าจะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,540 -1,600 จุด ที่ระดับ P/E 15.4-16 เท่า โดยปรับลดจากเป้าดัชนีเดิมที่ตั้งไว้ที่ 1,640 จุด ส่วนหุ้นกลุ่มที่ยังได้น่าสนใจยังเป็นกลุ่มท่องเที่ยว, ขนส่ง, ส่วนกลุ่มที่ควรระมัดระวัง คือ กลุ่มแบงก์, อสังหาฯ