เกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนลฯ เผยผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 60 มีรายได้รวม 7,746.2 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 561.5 ล้านบาท โตกว่าช่วงเดียวกันของปี 59 ถึง 498.9% รวมครึ่งปีแรกมีรายได้ 11,690 ล้านบาท ชี้มาจากผลผลิตอ้อยที่ดีขึ้นทั้งปริมาณและคุณภาพ และราคาขายน้ำตาลเฉลี่ยปีนี้สูงกว่าปีก่อน ด้านธุรกิจโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงชีวมวล โรงงานผลิตเยื่อกระดาษชานอ้อย และบรรจุภัณฑ์จากเยื่อชานอ้อย 100% ก็ล้วนมีการเติบโตที่แข็งแกร่งจากปริมาณวัตถุดิบที่มีมากกว่าปีก่อน
นายณัฎฐปัญญ์ ศิริวิริยะกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท เกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ชูการ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ KTIS ผู้นำในอุตสาหกรรมน้ำตาล และอุตสาหกรรมต่อเนื่อง เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ปี 2560 ของ KTIS มีรายได้รวม 7,746.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 79.5% และมีกำไรสุทธิ 561.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 498.9% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2559
สำหรับงวด 6 เดือนของปี 2560 KTIS สามารถทำรายได้รวม 11,690 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 973.5 ล้านบาท สูงกว่าครึ่งปีแรกของปี 2559 ถึง 578.8%
“ปีนี้กลุ่ม KTIS มีผลผลิตอ้อยเพิ่มมากขึ้นกว่าปีการผลิตก่อนหน้านั้นถึง 15.4% และคุณภาพอ้อยก็ดีมาก ทำให้ผลิตน้ำตาลได้เพิ่มขึ้นถึง 29.9% นับเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ในปีนี้เกือบทุกสายธุรกิจของกลุ่มเรา มีผลการดำเนินงานที่ดี” นายณัฎฐปัญญ์ กล่าว
นายณัฎฐปัญญ์ กล่าวด้วยว่า สำหรับผลผลิตอ้อยปีนี้ หากมองในภาพรวมของอุตสาหกรรมน้ำตาลทั้งประเทศอาจมีผลกระทบจากปัญหาอุทกภัยอยู่บ้าง แต่ในส่วนของกลุ่ม KTIS ได้รับผลกระทบน้อยมาก เนื่องจากพื้นที่ปลูกอ้อยของเกษตรกรในกลุ่ม KTIS ส่วนใหญ่ไม่ได้อยู่ในพื้นที่น้ำท่วม“กลุ่ม KTIS เชื่อว่า ปีนี้ปริมาณอ้อยของกลุ่ม KTIS น่าจะสูงกว่าปีที่ผ่านมา ซึ่งน่าจะเป็นปัจจัยด้านบวกต่อผลประกอบการปีต่อไป”