เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ โชว์ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/60 แข็งแกร่ง หลังธุรกิจหลักเติบโตได้ดีแม้เป็นช่วงโลว์ซีซัน ดันกำไรสุทธิ 49.5 ล้านบาท พุ่งขึ้น 551% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 7.6 ล้านบาท และยังสูงกว่าไตรมาสก่อนหน้าถึง 23% ขณะที่รายได้เติบโตได้ดีเช่นกัน ด้านผู้บริหารคาดครึ่งปีหลังจะขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง หลังธุรกิจที่ขยายการลงทุนเริ่มทำกำไร และสามารถขยายฐานลูกค้าใหม่เพิ่มเติม เป็นแรงหนุนผลการดำเนินงานในปีนี้เติบโตได้ตามแผนงาน
ดร.เอกพงษ์ ตั้งศรีสงวน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JWD ผู้นำธุรกิจให้บริการด้านลอจิสติกส์ภาคพื้นดินอย่างครบวงจร เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 2/60 สามารถฟื้นตัวต่อเนื่องได้อย่างแข็งแกร่ง โดยมีกำไรสุทธิ 49.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 551% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 7.6 ล้านบาท และยังสูงกว่าไตรมาสก่อนหน้าที่มีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทฯ 40.3 ล้านบาท ขณะที่รายได้จากการให้เช่าและการให้บริการ อยู่ที่ 577.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้จากการให้เช่าและการให้บริการ 557.6 ล้านบาท และยังสูงกว่าไตรมาสก่อนหน้าที่มีรายได้จากค่าเช่าและการให้บริการ 572.8 ล้านบาท แม้เป็นช่วงโลว์ซีซัน
ปัจจัยที่ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/60 เติบโตได้ดีเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มาจากการขยายตัวของธุรกิจหลักต่าง ๆ โดยธุรกิจรับฝากและบริหารสินค้าอันตราย ทำรายได้สูงสุดอยู่ที่ 118.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการนำเข้าและส่งออกขยายตัวส่งผลให้ในไตรมาส 2 ที่ผ่านมา มีปริมาณตู้คอนเทนเนอร์สินค้าอันตรายที่ผ่านเข้า-ออกในท่าเรือแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี รวม 42,478 ตู้ เพิ่มขึ้น 10% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนธุรกิจคลังสินค้าห้องเย็นมีรายได้ 112.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 27% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากความต้องการใช้พื้นที่ฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ ณ สิ้นไตรมาส 2 ที่ผ่านมา ห้องเย็นทั้ง 3 แห่งของ JWD มีอัตราการใช้พื้นที่เฉลี่ยเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 73% โดยห้องเย็นที่ถนนบางนา-ตราด มีการใช้พื้นที่เต็ม และห้องเย็นที่ถนนสุวินทวงศ์ ใช้พื้นที่เกือบเต็มความจุในปัจจุบัน ส่งผลให้ธุรกิจคลังสินค้าห้องเย็นในไตรมาส 2/60 มีอัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเป็น 44.4%
ขณะที่ธุรกิจรับฝากและบริหารยานยนต์มีรายได้ 101.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการขยายงานให้แก่ฐานลูกค้าเดิม และลูกค้าใหม่ นอกจากนี้ ธุรกิจให้บริการขนส่งสินค้าในประเทศ และขนส่งสินค้าข้ามแดน ก็มีอัตราเติบโตที่ดี โดยเฉพาะการขนส่งสินค้าข้ามแดนไปยังกัมพูชา ที่มีปริมาณงานเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด ประกอบกับบริษัทฯ ได้ลงทุนขยายจำนวนรถ Car Carrier รถห้องเย็น และรถหัวลาก รวม 31 คัน ส่งผลให้มีขีดความสามารถในการรับงานได้เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ จากผลการดำเนินงานไตรมาส 2/60 ที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งทั้งรายได้และกำไรสุทธิ ส่งผลดีต่อภาพรวมผลการดำเนินงานงวดครึ่งปีแรกของปีนี้ (มกราคม-มิถุนายน 2560) มีรายได้จากการให้เช่าและการให้บริการทั้งสิ้น 1,150.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้จากการให้เช่าและบริการ 1,103.4 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 89.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 67% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 53.7 ล้านบาท
นายชวนินทร์ บัณฑิตกฤษดา ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร JWD กล่าวว่า ทิศทางการดำเนินงานช่วง 5 เดือนที่เหลือของปีนี้ คาดว่าจะได้รับผลดีจากธุรกิจหลักที่คาดว่าจะขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง และการขยายการลงทุนทั้งในประเทศไทย และภูมิภาคอาเซียน ในช่วงที่ผ่านมา โดยธุรกิจศูนย์กระจายสินค้าเคมีภัณฑ์ (JWD Chemical Supply Chain หรือ JCS) สามารถถึงจุดคุ้มทุน และเริ่มมีกำไรได้เร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ หลังจากมีอัตราการใช้พื้นที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่วนธุรกิจรับส่งสินค้าด่วน (JWD Express) ที่เริ่มเปิดให้บริการเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ก็ได้รับงานจากลูกค้าใหม่ที่เป็นผู้ประกอบการห้างค้าปลีกสินค้าตกแต่ง และซ่อมแซมบ้านชั้นนำในตลาด ซึ่งจะส่งผลดีต่อผลการดำเนินงานครึ่งปีหลังเป็นต้นไป
ขณะที่ธุรกิจให้บริการด้านลอจิสติกส์ชิ้นส่วนยานยนต์อย่างครบวงจรภายใต้บริษัท สยาม เจดับเบิ้ลยูดี โลจิสติกส์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนกับกลุ่มสยามกลการอุตสาหกรรม ได้ขยายการรับงานใหม่ให้แก่โรงงานผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ในเครือสยามกลการ รวมถึงเตรียมขยายการให้บริการไปยังลูกค้าใหม่ที่อยู่นอกเครือสยามกลการ ซึ่งจะส่งผลดีต่อการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรตามสัดส่วนการลงทุนในบริษัทร่วมทุน รวมถึงธุรกิจให้บริการคลังสินค้าใน สปป.ลาว เมียนมา และกัมพูชา ก็มีความต้องการใช้พื้นที่อยู่ในเกณฑ์ที่ดี
“หลังจากเราขยายการลงทุนในช่วงที่ผ่านมา ได้เริ่มเก็บเกี่ยวรายได้เพิ่มขึ้น และส่งผลดีต่อผลการดำเนินงานที่กลับมาเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ส่วนในช่วง 5 เดือนที่เหลือของปีนี้ เรายังเชื่อมั่นว่าจะสามารถผลักดันผลการดำเนินงานในปีนี้เติบโตไม่ต่ำกว่า 7% ตามแผนที่วางไว้ รวมทั้งยังคงพิจารณาขยายการลงทุนภายใต้เงื่อนไขที่เหมาะสม และสามารถผลักดันการเติบโตในอนาคต” นายชวนินทร์ กล่าว
สำหรับความคืบหน้าการร่วมนำสินทรัพย์ที่เป็นคลังสินค้าห้องเย็นและคลังสินค้าสำหรับจัดเก็บเอกสารของ JWD และบริษัทย่อยฯ เสนอขายให้แก่ทรัสต์ เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่า (REIT) นั้น ปัจจุบันยังอยู่ในขั้นตอนการศึกษาร่วมกัน ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังมีอีกหลายทางเลือกของแหล่งเงินทุนอื่น ๆ เช่น หุ้นกู้ ตราสารหนี้ รวมถึงกระแสเงินสดคงเหลือของบริษัทฯ