ฟอร์จูนพาร์ท อินดัสตรี้ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ล่าสุดได้รับการขึ้นทะเบียนคาร์บอนฟุตพรินต์ จากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ อบก. ด้าน “สมพล ธนาดำรงศักดิ์” มั่นใจช่วยสร้างความแตกต่างเหนือคู่แข่งขันในเวทีโลก และลดต้นทุนด้านพลังงานไม่น้อยกว่า 10%
นายสมพล ธนาดำรงศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟอร์จูน พาร์ท อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน) หรือ FPI ซึ่งประกอบธุรกิจการให้บริการในการออกแบบและผลิตสินค้าครบวงจร ตั้งแต่การออกแบบแม่พิมพ์, งานขึ้นรูปพลาสติก, งานชุบโครเมียม และงานพ่นสี เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้เข้าร่วมโครงการคาร์บอนฟุตพรินต์เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในความใส่ใจของบริษัทต่อภาวะโลกร้อน โดยการดำเนินการตามมาตรฐานดังกล่าว แม้ว่าจะเป็นมาตรการสมัครใจ แต่ก็มีแนวโน้มจะกลายเป็นมาตรฐานใหม่ที่ส่งผลต่อการค้าอย่างแน่นอน เพราะการแข่งขันในตลาดการค้าเสรีในปัจจุบัน
โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมยานยนต์ในปัจจุบันมีแนวโน้วการพัฒนาของเทคโนโลยียานยนต์ และการผลิตที่ให้ความสำคัญในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น FPI มีความตั้งใจที่จะพัฒนาธุรกิจให้เติบโตควบคู่ไปกับการพัฒนาสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม อันจะนำไปสู่เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนต่อไป
“เราเชื่อมั่นว่า สำหรับผู้บริโภคในปัจจุบันที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมแล้ว หากจะเลือกซื้อสินค้าในครั้งต่อไป ไม่เพียงแต่จะพิจารณาคุณภาพและราคาเท่านั้น แต่จะพิจารณาคาร์บอนฟุตพรินต์ของผลิตภัณฑ์หรือฉลากลดโลกร้อนในสินค้าแต่ละประเภท ซึ่งการเลือกซื้อสินค้าหรือบริการที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกน้อย ก็เปรียบเสมือนการมีส่วนร่วมแสดงความใส่ใจในการแก้ไขปัญหาภาวะโลกร้อนอีกทางหนึ่ง” นายสมพลกล่าว
กรรมการผู้จัดการ FPI กล่าวอีกว่า การเพิ่มศักยภาพในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก มีความจำเป็นที่ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกันลดการใช้พลังงานและการปล่อยก๊าซเรือนกระจก สำหรับ FPI ผ่านการรับรองจาก อบก. คาร์บอนฟุตพรินต์ของผลิตภัณฑ์ (CFP), ฉลาดลดโลกร้อน (CFR) และคาร์บอนฟุตพรินต์ขององค์กร (CFO)
“ที่ผ่านมาบริษัทฯ มุ่งมั่นในการดำเนินการตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน และมองว่าหัวใจของการดำเนินธุรกิจ ส่วนหนึ่งมาจากความมุ่งมั่นและตั้งใจในการพัฒนาศักยภาพในทุกๆ ด้านให้สอดคล้องกัน และได้ประโยชน์สูงสุด ดังนั้น จึงเชื่อมั่นว่าการที่บริษัทฯ ได้รับมาตรฐานในระดับสากลอย่างต่อเนื่องจะเป็นส่วนที่ช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับบริษัทฯ ทำให้สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีความเป็นสากล ได้รับการยอมรับในเวทีโลก นอกจากนี้ ยังจะช่วยให้สามารถประหยัดค่าใช้จ่าย ลดการใช้ทรัพยากร ลดความผิดพลาด กระตุ้นให้พนักงานมีส่วนร่วมในกระบวนการ และทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ด้วยสภาพแวดล้อมที่ดี และปลอดภัย และช่วยต่อยอดในเรื่องของการลดต้นทุนพลังงานไม่น้อยกว่า 10% ตามแผนงานที่วางไว้ ผลักดันรายได้และกำไรของบริษัทฯ เติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนในอนาคต” นายสมพลกล่าว